บัตรเครดิต แต่เดิมออกให้โดยธนาคารไทยพาณิชย์เท่านั้น จุดประสงค์ของการออกบัตรเครดิตคือ การให้ความสะดวกแก่ลูกค้าที่มีเครดิตดี จ่ายเงินสม่ำเสมอ ไม่เบี้ยวหนี้ หรือลูกค้าที่มีความสามารถที่จะชำระเงินได้ การที่จะขอบัตรเครดิตได้ มีหลักเกณฑ์พอๆกับการขอเงินกู้ ซึ่งเงื่อนไขก็จะมีเยอะพอสมควร มีการตรวจสอบหลายขั้นตอน และอาจต้องเป็นลูกค้าของธนาคารมาก่อนด้วย
การใช้บัตรเครดิตนั้นคนไทยเข้าใจผิดอย่างมากว่าเอาไว้ผ่อนสินค้า แต่จริงๆแล้วเป็นการใช้ซื้อของที่จะต้องจ่ายอยู่แล้วแต่ไม่จำเป็นที่ต้องจ่ายเงินสด เช่น การจ่ายค่าน้ำมันรถ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องจ่ายอยู่แล้ว หาก 1 เดือนมีค่าน้ำมันรถ 3,000 บาท คุณจะมีหน้าที่จะเสีย 3,000 บาทในเดือนนั้น ก็ใช้บัตรเครดิตแล้วจ่ายภายใน 45 วันแทน และหากคุณเป็นคนที่มีวินัยทางการเงินพอสมควร ไม่เคยใช้จ่ายเกินกว่ารายได้ต่อเดือน และมีเงินออมอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงมีเงินส่วนหนึ่งรองรับยามฉุกเฉินเอาไว้แล้ว และไม่มีหรือไม่ได้ทำบัตรเครดิต เพราะพิจารณาว่าการเอาเงินในอนาคตมาใช้อย่างบัตรเครดิต สุดท้ายก็ต้องเอาเงินไปจ่ายสิ่งที่ใช้ไปอยู่ดี จึงกลายเป็นข้อพิจารณาในเรื่องของการมีหรือการใช้บัตรเครดิตในแง่ลบ การใช้บัตรเครดิตนั้นจะมีข้อดีข้อเสียก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน บางคนคิดว่าภาพลักษณ์ของคำนี้จะมองถึงการเป็นหนี้ แต่บางคนกลับคิดว่าเป็นความสะดวกสบายในการจับจ่ายใช้สอยมากกว่า ภาพลักษณ์ของบัตรเครดิตที่ดูแย่ในสังคมเพราะมันเป็นสิ่งที่สะท้อนการขาดวินัยการใช้เงิน
การจับจ่ายใช้สอยของแต่ละคน จึงควรพิจารณาข้อดีข้อเสียของบัตรเครดิตโดยเฉพาะ คุณอาจจะหามาใช้สักใบเพื่อเอาไว้ใช้ในเวลาฉุกเฉินหรือเงินขาดมือจริงๆ ในช่วงที่เศรษฐกิจย่ำแย่ โดยจะมีสิ่งใดบ้างที่คุณต้องการใช้บัตรเครดิตเราลองไปดูกัน
1.ในกรณีฉุกเฉินและคุณไม่มีเงินสดพอ ก็สามารถนำวงเงินในบัตรเครดิตมาแก้ขัดได้
2.ได้ส่วนลด 5 ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ในการใช้จ่ายต่างๆ เช่น ร้านอาหาร ปั๊มน้ำมัน และเมื่อลองเปรียบเทียบกับการจ่ายเงินสดเดือนหนึ่ง คุณอาจประหยัดเพิ่มขึ้นซัก 500 บาท ถึงไม่มากมายไม่ได้ทำให้ร่ำรวย แต่มันก็ทำให้คุณประหยัดได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน
3.ได้แต้มเวลาใช้ คุณสามารถนำแต้มไปแลกของได้หลายอย่าง ถึงแม้อาจจะเป็นสิ่งของที่คุณภาพอาจจะไม่ค่อยดีนัก และต้องสะสมเป็นปีกว่าจะได้ของชิ้นใหญ่ๆสักชิ้น อย่างเช่น 1 ปีได้ตั๋วเครื่องบิน 1 ใบ ก็สามารถทำให้คุณประหยัดค่าตั๋วเครื่องบินในการไปเที่ยวได้เหมือนกันนะ ที่สำคัญเวลาไปเที่ยวกับเพื่อน ยังสามารถอาสารูดบัตรเอง แล้วค่อยไปเก็บเงินกับเพื่อน เราก็จะได้สะสมแต้มไปในตัว ร่วมถึงได้สิทธิพิเศษจากบัตร เช่นคูปองส่วนลดที่ส่งมาให้ที่บ้าน
4.ไม่ต้องพกเงินสดติดตัวมากจึงทำให้สะดวกเวลาใช้จ่ายเงิน เพราะไม่ต้องคอยไปหาตู้ atm กดเงินให้เสียเวลา ซึ่งอาจใช้การรวบรวมค่าใช้จ่ายเป็นก้อนเดียว ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่านิตยสาร ค่าฟิตเนส เพื่อความสะดวกในการจ่ายเงิน เป็นต้น และการชำระเงินบางอย่างจะทำให้คุณสะดวกมากขึ้น โดยไม่ต้องเดินทาง เพราะคุณสามารถจ่ายผ่านทางเว็บไซต์หรือสมาร์ทโฟนโดยใช้บัตรเครดิตได้ในทุกเดือน
5.ยืดเวลาการชำระเงินได้ เช่น บัตรตัดยอดวันนี้ พรุ่งนี้เรารูดได้เลยดังนั้นกว่าจะจ่ายเงินก็อีก 45 วัน ก็เท่ากับว่าเราได้ใช้ เงินจำนวนนั้นโดยปลอดดอกเบี้ย
6.สรุปค่าใช้จ่ายบางอย่างต่อเดือนได้สะดวก เช่น ค่าน้ำมันรายเดือน ค่าโทรศัพท์ ค่าใช้จ่ายจิปาถะ มีรายการเท่าไหร่เราก็ลีสออกมาดูได้เลย
7.มีโปรโมชั่นผ่อน 0% โดยปกติเมื่อซื้อสินค้าถ้าจ่ายเงินสดจบกันไป แต่ถ้ามีผ่อน 0% ซัก 6 เดือน ก็หมายความว่าคุณจะมีเงินสดอยู่ในธนาคารเพิ่มขึ้นมาอีกจำนวนหนึ่ง ดอกเบี้ยเงินฝากก็เพิ่มขึ้น ถึงจะไม่ใช่ตัวเลขมากมายก็ตาม
8.ระงับการจ่ายเงินได้ ถ้าร้านค้าปฏิเสธความรับผิดชอบในกรณีที่รับประกันความพอใจในสินค้าแต่ไม่คืนเงินให้
ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของข้อดีในการใช้บัตรเครดิต แต่คนส่วนใหญ่ก็จะคิดว่ามีแต่ข้อเสีย นั่นเป็นเพราะตัวคุณไม่สามารถควบคุมการใช้จ่ายของตัวเองผ่านบัตรเครดิตได้ ก็คือไม่มีวินัยทางการเงิน การใช้บัตรเครดิตก็จะทำให้คุณเสียเครดิตเอาได้ง่ายๆเหมือนกัน คุณต้องอยู่บนพื้นฐานของความมีวินัยใช้จ่ายเท่าไรก็ให้จ่ายเต็มจำนวน แต่ถ้าใช้เพื่อให้ได้แต้มหรือส่วนลด แต่กลับจ่ายชำระคืนเพียงแค่ขั้นต่ำเท่านั้น ดอกเบี้ยก็จะพอกพูนและมันก็จะแพงกว่าส่วนลดที่ได้รับไปอยู่ดี คนที่ใช้บัตรเครดิตต้องมีวินัยทางการเงินและมันจะเป็นประโยชน์อย่างเต็มที่โดยไม่ติดกับดักดอกเบี้ยแพงๆ อีกต่อไป การเลือกใช้บัตรเครดิตที่ถูกต้อง แม้จะมีหลายใบก็ให้ใช้เพียงแค่ใบเดียว เลือกดูใบที่คะแนนสะสมจะเกิดประโยชน์สูงสุดกับการใช้จ่าย ชำระยอดให้ตรงวัน หรือถ้าไม่ตรง เช่น ป่วยติดธุระจำเป็น หรือไปต่างประเทศ คุณจำเป็นต้องโทรขอเลื่อนกำหนดชำระเงินทุกครั้ง
ที่สำคัญคุณต้องไม่มียอดค้างชำระ นั่นคือต้องวางแผนก่อนซื้อของทุกครั้ง ไม่ใช่ว่าอยากได้อะไรก็ซื้อ ให้คุณหมั่นโทรเช็คยอดบ่อยๆว่าเงินในส่วนที่เก็บไว้ใช้จ่ายในธนาคารมีเท่าไร แล้วหักเงินที่เป็นยอดบัตรเครดิตไว้ในใจเลย เช่น มีเงิน 50,000 บาทในบัญชี และมีการจ่ายผ่านบัตรเครดิตไปแล้ว 15,000 บาท จะต้องบอกตัวเองว่าคุณมีเงินเหลือเพียง 35,000 บาทเท่านั้น เงินฝากในธนาคารควรมีมากกว่าวงเงินสูงสุดของบัตรถึง 3 เท่า เพราะว่ามันเป็นการใช้เงินของคุณเอง ดังนั้นถ้าคุณจะใช้บัตรเครดิตต้องมั่นใจว่า สิ้นเดือนคุณมีเงินจ่ายแน่ๆ ถ้าไม่เช่นนั้นคุณจะได้รับอัตราการเสียดอกเบี้ย 12-17% ต่อปี ไม่รวมค่าธรรมเนียมอีก และการใช้ที่ถูกต้องไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ต่อเดือน เพื่อที่จะมีเงินไว้ใช้จ่ายอย่างอื่นด้วย
ด้วยข้อจำกัดและคุณสมบัติที่ธนาคารพาณิชย์ทั้งหลายจะกำหนด การให้บัตรเครดิตกับคนทั่วไป ทำให้คนส่วนมากไม่ผ่านการอนุมัติในการทำบัตรเครดิต จึงเป็นที่มาของการมีบริษัทที่ปล่อยเงินกู้สินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อให้สามารถนำบัตรนั้นไปใช้รูดได้เหมือนกระบัตรเครดิต แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่บัตรเครดิต การทำแบบนี้เหมือนกับการกู้เงินมากกว่า เพราะคุณสมบัติการทำบัตร ค่อนข้างต่ำมากเพียงมีเงินเดือน 7,000 บาทขึ้นไปก็สามารถทำได้ แล้วยังอนุมัติเร็วมากภายใน 30 นาทีเท่านั้น จะมีอัตราค่าธรรมเนียมสูง การปลอดหนี้ระยะสั้นแต่ได้รับดอกเบี้ยแพงแบบนี้ จึงควรพึงสังวรว่ามันคือการกู้เงินระยะสั้นโดยวิธีการใช้แค่เหมือนบัตรเครดิตเท่านั้น ซึ่งในช่วงเศรษฐกิจไม่ดียิ่งต้องประหยัดและระมัดระวังการใช้จ่ายอย่างมาก อย่าตกเป็นเหยื่อของบัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสดเพราะไม่รู้ หรือรู้แต่ปล่อยให้มันเป็นไปเพราะไม่มีเงินจากการออมนั่นเอง