วันพฤหัสบดี, 28 พฤศจิกายน 2567

กรรมที่เล่นหักคอนกของหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม

ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ใหญ่หรือสัตว์เล็กๆ ก็ตาม หากมีการตั้งเจตนาไว้เพื่อจะให้เขาตายแล้ว ผลกรรมย่อมส่งผลเหมือนกัน แต่จะต่างกันในเรื่องของระดับความรุนแรง เพราะสัตว์ใหญ่นั้นการจะทำให้เขาตายต้องใช้เจตนาแรงกล้ากว่า ความพยายามในการทำให้ตายก็สูงกว่า ระดับผลกรรมจึงให้ผลที่แรงกว่า ซึ่งมีเรื่องราวของครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งขอนำมาเล่าสู่กันฟัง

 

 

  • กรรมที่เล่นหักคอนกของหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม

พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม พระอริยสงฆ์ผู้มีชื่อเสียงรูปหนึ่งของเมืองไทย ปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาสวัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี ท่านเคยเมตตาเล่าเอาไว้ในหนังสือของท่านถึงผลกรรมที่ชอบฆ่าสัตว์และรังแกสัตว์ในวัยเด็กเพราะความไม่รู้จักบุญบาปว่าจะมีจริงหรือไม่ ซึ่งขอนำมากล่าวเล่าไว้เป็นอุทาหรณ์ดังนี้

 

ครั้งหนึ่งในวัยเด็ก หลวงพ่อจรัญท่านเรียนอยู่ที่โรงเรียนประชาบาลซึ่งมีนิสัยชอบยิงนกตกปลา โดยเอาปืนลูกซองดาวกระจาย 5 นัดพกติดตัวไว้ แล้วก็ออกไปล่าสัตว์ตามทุ่ง ตามหนองน้ำ โดยชอบที่จะยิงนกเป็ดนกกระสา พอยิงได้แล้วก็จะจับหักคอใส่ตะข้อง นกตัวใดที่ยังไม่ตายทันทีมันก็จะจิกกัดเพราะความแค้นและเจ็บปวด พอนกมันจิกท่านก็เลยถลกหนังนกเอาเสียเลยโดยไม่ทราบว่ามันจะมีบาปกรรมแต่อย่างใด พอล่วงมาอีกวันหนึ่งท่านก็ไปยิงนกกระสาถูกปีกหักจนมันบินไม่ได้แต่มันก็ใช้ขาวิ่งหนี ท่านก็ใช้วิธีวิ่งไล่มัน พอได้ตัวแล้วก็หักขาเลย นกก็จะดิ้นและร้องจนตาย

 

เมื่อเวลาผ่านไป จนกระทั่งหลวงพ่อได้บวชในพระพุทธศาสนาแล้วและได้มุ่งมั่นปฏิบัติธรรมอย่างดีก็ยังหนีกรรมไม่พ้น ครั้งหนึ่งหลวงพ่อจรัญได้นั่งสมาธิเจริญภาวนาไปตามปกติก็มีนิมิตบอกให้ท่านทราบว่าในวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2521 เวลา 12.45 น. ต้องจากวัดแล้วจะต้องตายไปใช้หนี้นกที่เคยฆ่าหักคอเขาไว้ในวันที่ 16 ตุลาคม คืออีก 2 วัน ถัดไป พอถึงช่วงออกพรรษาหลวงพ่อจรัญท่านก็จัดการประชุมสงฆ์โดยมอบอัฐบริขารเสีย สละปลงบริขารให้หมดแล้วมอบให้พระรูปอื่น เงินวัดมีเท่าไรก็มอบให้มัคทายกไว้หมด พระรูปใดจะเป็นสมภารวัดรูปต่อไปก็มอบหน้าที่ให้เป็นการเตรียมตัวลาจากโลกนี้

 

พอใกล้วันที่ 14 ตุลาคม ท่านก็มาสวดมนต์ไหว้พระและก็แผ่เมตตาบอกโยมคนหนึ่งที่มีความสนิทสนมกันว่า “โยมกับอาตมาก็ชอบกันมาหลายปีแล้ว อาตมาขอลานะวันที่ 14 ตุลาคม อาตมาคอหักแน่ ตายอยู่โรงพยาบาลสิงห์บุรี” พอถึงวันที่ 14 ตุลาคม เวลาเที่ยงสี่สิบห้านาที หลวงพ่อจรัญท่านก็จำเป็นต้องไปประชุมที่วัดกวิศราราม จังหวัดลพบุรี เนื่องด้วยหลวงพ่อธรรมฌาณ เจ้าคณะจังหวัดลพบุรีมีหนังสือมาว่า จะมีการจัดประชุมเจ้าคณะอำเภอกันทั้งหมดที่จังหวัดลพบุรี

 

พอดีวันนั้นมีนายแพทย์จากโรงพยาบาลศิริราชมาเลี้ยงเพลที่วัด พอฉันเพลเสร็จหลวงพ่อจรัญท่านก็เตรียมตัวแล้วว่าวันนี้จะไม่ได้กลับวัดแน่นอนตามที่ท่านมีสติรู้ล่วงหน้ามาเป็นเวลา 6 เดือนว่า จะต้องชดใช้ผลกรรมที่เคยฆ่าสัตว์ตัดชีวิตนกเอาไว้มากมายในวัยเด็ก เมื่อท่านได้บอกลาทั้งญาติโยมและคนที่วัดทั้งหมดแล้วก็ขึ้นรถเวลาเที่ยงกว่า พอจากวัดเลี้ยวขวาเข้าตัวจังหวัดลพบุรีถึงตลาดปากบาง เมื่อถึงปั้มน้ำมันรถก็เปิดไฟเลี้ยวขวา โดยมีรถวิ่งตามหลังมา 3 คัน แต่มีรถทัวร์คันหนึ่งเลี้ยวซ้ายออกมาจากปั๊มน้ำมัน รถจึงวิ่งเข้าชนทันทีในเวลาเที่ยงสี่สิบห้านาทีพอดี

 

หลวงพ่อจรัญท่านได้เล่าต่อไปถึงเหตุการณ์รถชนครั้งนั้นว่าถึงกับทำให้กระดูกไหล่หัก กระจกรถแตกครูดเอาหนังศีรษะไปอยู่ตรงท้ายทอยทั้งหมด คอก็พับไปที่หน้าอกแบบหมุนได้แบบเดียวกับที่ท่านเคยหักคอนกไว้ แต่ท่านก็ยังไม่ตาย ยังต้องได้รับความทุกข์ทรมานจากที่เคยรังแกและฆ่าสัตว์ชนิดอื่นๆ อีก ในอดีตท่านเคยนำเต่าตัวหนึ่งมาต้มกินกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน โดยรับจ้างต้มเต่าตัวละ 1 บาท ทำให้ต้องได้รับผลกรรมต่อเนื่องจากคอหัก คือได้เห็นเต่าตัวหนึ่งที่มาจองเวร ฝาหม้อรถที่ถูกชนเกิดลูกและนำร้อนก็พุ่งมาลวกที่ตัวของท่านซ้ำอีก หลวงพ่อจรัญท่านก็ได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า

“ข้าพเจ้าขอให้ไปสบาย รู้แล้วเข้าใจแล้ว ขออโหสิกรรมทุกอย่างกับโลกมนุษย์ ในเมื่อข้าพเจ้ายังใช้หนี้ในโลกมนุษย์ไม่หมด ขอให้ข้าพเจ้าไปใช้หนี้ในชาติต่อไป ประการที่สองถ้าข้าพเจ้าใช้หนี้ในโลกมนุษย์หมดแล้ว ขอให้ข้าพเจ้าไป ณ บัดนี้ อย่าได้ทรมานต่อไป”

 

หลวงพ่อจรัญท่านคอหักและถูกน้ำร้อนลวกอย่างรุนแรง แต่ทว่าท่านก็ยังไม่เสียชีวิต ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับนายแพทย์มาก จนมีนายแพทย์จากโรงพยาบาลเลิดสินท่านหนึ่งมาช่วยชีวิตหลวงพ่อจรัญไว้ได้ โดยที่ท่านต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเวลานานกว่า 50 วัน จึงจะได้กลับวัด การที่ท่านคอหักแต่ยังไม่ถึงที่ตายอาจเป็นเพราะแรงบุญที่ยังมีมากจากการบวชและปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด เมื่อท่านหายดีแล้วจึงได้ตั้งปณิธานว่าจะสร้างสมบุญกุศลให้ยิ่งๆ ขึ้นไป โดยการปฏิบัติธรรมและเผยแผ่คำสอนของพระพุทธเจ้าให้สืบมั่นคงต่อไปให้มากที่สุด

 

ผลของการชอบรังแกสัตว์และชอบฆ่าสัตว์ในวัยเด็กนั้น แม้จะเป็นการกระทำเพื่อความสนุกและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ตาม แต่ผลแห่งวิบากกรรมชั่วนั้นน่ากลัวยิ่งนัก เมื่อใดที่วิบากกรรมให้ผลแล้ว หากเด็กคนนั้นไม่ได้มีโอกาสสร้างบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่แบบเดียวกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญที่ท่านได้ทำไว้ ผลลัพธ์แห่งการกระทำอาจจะไม่เหมือนกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญก็ได้

 

ที่มาและการอ้างอิง

กรรมที่พ่อแม่ต้องรู้ ลูกต้องหยุดทำ ผู้แต่ง ญาณกร จิตตวชิระ ผู้แต่งร่วม