แคปชั่น คำคม ภาษาอังกฤษ เพื่อน ความรัก คิดบวก ฮวงจุ้ยบ้าน

3 ข้อ ทำความเข้าใจทิศทางการสร้างบ้านตามหลักฮวงจุ้ย

เมื่อเราซื้อ หรือมีที่ดินเรียบร้อยแล้ว ทีนี่เราก็ต้องมาดูว่าจะสร้างบ้านทิศไหนจึงจะดีที่สุดในการอยู่อาศัยได้ตลอดไปและมีปัจจัยอะไรบ้างที่เราต้องมาประกอบการพิจารณา ตามมาด้วยรูปทรงของบ้านควรเป็นแบบไหนจึงจะเรียนได้ว่าถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ย และมารู้จักกับตำแหน่งเสือขาวมังกรเขียวในศาสตร์ฮวงจุ้ยของจีนว่าคืออะไรแล้วทำไมจึงต้องมาพิจารณา 3 ข้อใหญ่ ๆ นี้จะทำให้คุณเข้าใจการสร้างบ้านให้ถูกต้องได้มากขึ้น

 

1.บ้านตั้งทิศไหนดีที่สุด

เรื่องของทิศบ้านควรจะตั้งทิศไหนถึงจะดี เป็นอีกคำถามที่ถูกถามมากที่สุด การจะเลือกบ้านว่าควรหันไปทางทิศใด หน้าบ้านอยู่ตรงไหน เป็นปัจจัยหนึ่งที่จะต้องนำมาพิจารณาด้วย แต่ต้องบอกเอาไว้ก่อนว่ายังไงก็ต้องพิจารณาชัยภูมิและสภาพแวดล้อมเป็นอันดับแรก ไม่ใช่มาเอาทิศเป็นเงื่อนไขแรกในการกำหนดตำแหน่งบ้าน หลักการดูทิศมีหลากหลาย เช่น วิธีดูว่าบุคคลนั้นเกิดปีอะไร บ้านควรอยู่ทิศทางใด เป็นต้น

 

ประเด็นจะอยู่ที่ว่าจะใช้หลักไหนมาพิจารณา คำตอบก็คือใช้ได้ในหลาย ๆ หลัก แต่จะให้น้ำหนักในเรื่องของการดูทิศ โดยใช้หลักธรรมชาติมากที่สุด เพราะเป็น รูปธรรมมากที่สุด สามารถมองเห็นสัมผัสและจับต้องได้เป็นตรรกวิทยาร้อยเปอร์เซ็นต์ รองลงมาก็จะเป็นอิทธิพลของดวงดาวซึ่งค่อนข้างจะเป็นนามธรรม ส่วนเรื่องของดวงชะตาเจ้าของบ้าน จะให้น้ำหนักน้อยที่สุด เพราะเป็นเรื่องส่วนบุคคลของคนๆเดียว ถ้าบ้านอยู่กันหลายคนจะทำอย่างไร สำหรับคนที่ไม่ถูกโฉลกกับทิศนั้นๆ

 

เราควรให้ความสำคัญเรื่องทิศทางธรรมชาติเกินครึ่ง เพราะถ้าบ้านอยู่ในทิศทางที่ลมไหลผ่านสะดวก มีแสงแดดส่องถึงคนที่อยู่ในบ้าน บ้านหลังนั้นก็ได้รับประโยชน์แล้ว ถึงแม้ทิศทางของดาวจะไม่ดีเลิศ และดวงชะตาจะไม่ถูกโฉลก ยังไงบ้านหลังนี้ก็สอบผ่าน แต่ถ้าสามารถเลือกได้ทั้ง 3 ปัจจัยก็ถือว่าเยี่ยม

 

ทิศทางที่ถือว่าดีและเป็นที่นิยมในการปลูกสร้างบ้านมากที่สุด จะมีอยู่ 2 แบบ คือ บ้านที่หันหน้าไปทางทิศใต้ กับบ้านที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออก เหตุผลก็เพราะ บ้านที่หันทางทิศใต้ จะได้รับผลดีจากกระแสลมที่พัดเข้าบ้าน ทำให้บ้านมีอากาศไหลเวียนดี ย่อมนำมาซึ่งสุขภาพที่ดีด้วย นอกจากนี้ในทางฮวงจุ้ย ยังถือเป็นทิศทางของทรัพย์หรือโชคลาภ ส่วนบ้านที่หันไปทางทิศตะวันออก ก็จะได้รับประโยชน์ในเรื่องของในตอนเช้า แสงแดดอ่อน ๆ จะส่องหน้าบ้าน ถือว่าดี ไม่ร้อนจนเกินไป ตอนบ่ายหน้าบ้านก็จะร่ม ไม่ร้อน สามารถทำกิจกรรมหน้าบ้านได้ โดยเฉพาะเมืองไทยที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองร้อน การปลูกสร้างบ้านทางทิศทั้งสองนี้ ถือว่าเหมาะสมอย่างยิ่ง

 

การพิจารณาแค่นี้ยังไม่พอ อย่าลืมดูเรื่องของสภาพแวดล้อมด้วย ว่ารอบๆที่จะสร้างมีสิ่งใดมาเป็นอุปสรรคในเรื่องของทิศทางหรือไม่ เช่น ทิศใต้เกิดมีอาคารสูงตั้งบังลม หากเกิดไฟไหม้โรงงาน ก็จะมีผลเรื่องมลภาวะเรื่องกลิ่น ลมก็จะพัดผ่านสิ่งที่ไม่ดีเข้ามาได้ อย่างนี้ก็ไม่ควรเลือกทิศทางนี้เป็นหน้าบ้าน เพราะไม่ได้รับประโยชน์อะไรแต่กลับจะเป็นผลเสียด้วยซ้ำ

 

ดังนั้น อย่าเพิ่งตัดสินเพียงแค่การดูทิศอย่างเดียว เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นการดูทิศโดยอิงทิศทางธรรมชาติ ส่วนการดูทิศโดยใช้หลักการของดวงดาว จะเป็นการพิจารณาเป็นยุคๆ ไปว่า ทิศทางไหนดีหรือไม่ดี แต่ก็อาจนำมาใช้กับบ้านทุกหลังไม่ได้ด้วยเช่นกัน การนำกฎเกณฑ์ในเรื่องของดวงดาวมาใช้ จะไม่มีหลักตายตัว จะผันแปรไปตามยุค ระยะเวลา ซึ่งรายละเอียดจะมีค่อนข้างมากและในปัจจุบันมักไม่ค่อยใช้กันอยู่แล้ว

 

ส่วนเรื่องการนำเอาดวงชะตาของเจ้าของบ้าน มากำหนดทิศทางของบ้าน ก็ใช้หลักดูธาตุของเจ้าของบ้าน ว่าเป็นธาตุอะไรควรอยู่ทางทิศไหน วิธีพิจารณาง่ายๆก็คือ ดูปีเกิดว่าเจ้าของบ้านเกิดปีอะไร เป็นธาตุอะไร เมื่อดูแล้วท่านก็จะรู้ว่าควรสร้างบ้านทิศไหน

 

การนำดวงชะตามาใช้หาทิศที่ถูกโฉลกกับเจ้าของบ้าน ความจริงแล้ว จะต้องนำ วัน เดือน ปีเกิด เวลาเกิด มาคำนวณหาธาตุ จะละเอียดกว่าการดูแค่ปีเกิด ซึ่งจะเป็นการยากที่จะดูให้ครบทุกคนได้ละเอียดทั้งหมด เพราะแต่ละคนจะเกิดไม่เหมือนกัน จะเกิดปีเดียวกันก็จริง แต่เดือนเกิด วันเกิด เวลาเกิด ไม่เหมือนกัน เรื่องนี้คงต้องพึ่งซินแสให้ช่วยเช็คให้จะเป็นการดีที่สุด

 

คงต้องย้ำเตือนกันอีกทีว่าอย่าเอาหลักเกณฑ์เรื่องดวงชะตาสมพงษ์กับทิศ มาเป็นจุดแรกในการเรื่องทิศสร้างบ้าน ขอให้นำหลักนี้มาเป็นตัวเสริมเท่านั้น ถ้าไม่ตรงตามทิศที่เจ้าบ้านต้องการก็อย่าไปซีเรียสให้มากเพราะยังมีวิธีแก้ไขได้อีกหลายวิธี อย่างไรก็ดีให้เลือกอิงธรรมชาติไว้ก่อน อย่างเช่นบ้านหันหน้าบ้านไปทางทิศตะวันตก ทิศตะวันออก ซึ่งเป็นทิศที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยนิยมหันไป เพราะแดดจะร้อนมากในตอนบ่าย แถมชื่อยังไม่เป็นมงคลอีกด้วย แต่ในตำราบอกว่าคนธาตุไม้ ปีขาล ปีเถาะ เหมาะกับทิศทางนี้จะทำอย่างไร ในส่วนนี้แนะนำให้คนธาตุไม้ ใช้ทิศเหนือแทน เพราะโดยระบบของธาตุ ทิศเหนือคือธาตุน้ำ ส่งเสริมธาตุไม้โดยตรง

 

ทุกสิ่งทุกอย่างมีหนทางแก้ไขเราจึงไม่ควรกังวลกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากจนเกินไป

 

2.รูปทรงบ้านตามหลักเบญจธาตุ

แบบบ้านถ้าจะถามว่าเกี่ยวกับฮวงจุ้ยหรือไม่ ก็คงต้องตอบว่าเกี่ยว เพราะรูปทรงของบ้านนั้น บ่งบอกอะไรได้หลายอย่าง ในตำราฮวงจุ้ยได้แบ่งรูปทรงของบ้านออกเป็น 5 ลักษณะ ตามหลักเบญจธาตุ คือ น้ำ ไม้ ไฟ ดิน ทอง

โดยทั้งหมดนี้ให้พิจารณาทิศหลังบ้านเป็นหลัก

 

รูปทรงของบ้านตามหลักของเบญจธาตุ จะพิจารณาจากทิศทางของบ้านเป็นหลัก แต่ในความเป็นจริงแล้วรูปทรงบ้านส่วนใหญ่ จะเป็นลักษณะผสมธาตุไม่ใช่ใช้ธาตุเดียวโดดๆอยู่แล้ว เช่น สามเหลี่ยมจับผสมกับสี่เหลี่ยมผืนผ้าเป็นต้น

 

ในส่วนของคำว่าทิศปรปักษ์ก็คือห้ามสร้างทางทิศนั้น เช่น บ้านรูปทรงสามเหลี่ยมไม่ควรสร้างทางทิศเหนือเป็นต้น เพราะทิศเหนือคือธาตุน้ำ และเรื่องรูปทรงกับทิศทาง ความจริงแล้วไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งเท่านั้น ถ้าองค์ประกอบอย่างอื่นที่สำคัญมีอยู่ทั้งหมดแล้ว เช่น ทำเลที่ตั้ง สภาพแวดล้อม ทิศทางลม แสงแดด ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากกว่า การจะสร้างบ้านรูปทรงอะไรนั้นไม่ใช่ปัญหา แค่อย่าไปกังวลกับรูปทรงของบ้านจนลืมเรื่องที่สำคัญมากกว่า เพราะคนส่วนใหญ่ผิดพลาดในเรื่องเหล่านี้บ่อยมาก พูดง่ายๆก็คือชอบเอาเรื่องเล็กๆมาเป็นเรื่องใหญ่ จนทำให้น้ำหนักความสำคัญผิดเพี้ยนไป

 

3.รูปทรงบ้านตามหลักเสือขาวมังกรเขียว

เรื่องของรูปทรงบ้าน นอกจากจะใช้หลักเบญจธาตุแล้ว ยังสามารถใช้หลักของเสือขาวมังกรเขียวมาเป็นปัจจัยในการกำหนดรูปทรงบ้านก็ได้ คำว่าเสือขาวมังกรเขียวในทางฮวงจุ้ย จะหมายถึงตำแหน่งบริวารที่อยู่ด้านข้าง เปรียบเสมือนองครักษ์ซ้ายขวา ที่คอยปกป้องประธานที่อยู่ตรงกลาง โดยตำแหน่งซ้ายคือมังกรเขียว ตำแหน่งขวาคือเสือขาว วิธีสังเกตให้ยืนหันหน้าไปที่หน้าบ้าน ซ้ายมือคือมังกรเขียว และขวามือคือเสือขาว เพราะฉะนั้นรูปทรงของบ้านตามลักษณะเสือขาวมังกรเขียว ก็จะต้องออกแบบบ้านให้มี 3 ส่วนคือ ส่วนที่เป็นประธานอยู่ตรงกลาง ส่วนเสือขาวอยู่ด้านขวา และสวนมังกรเขียวอยู่ด้านซ้าย

 

ลักษณะการออกแบบบ้านยังต้องคำนึงถึงความสูงต่ำของทั้ง 3 ส่วนด้วย ส่วนกลางที่อยู่ตรงกลาง จะต้องสูงที่สุด ห้ามต่ำกว่าปีกทั้งสองข้าง ส่วนตำแหน่งเสือขาวมังกรเขียวที่อยู่ด้านซ้ายและด้านขวาของประธาน ความสูงของตำแหน่งมังกรเขียว จะต้องสูงกว่าหรือเท่ากับตำแหน่งเสือขาว ห้ามต่ำกว่า ซึ่งจะถือว่าถูกต้องตามลักษณะของเสือขาวมังกรเขียว เหตุผลที่ตำแหน่งมังกรเขียวห้ามต่ำกว่าตำแหน่งเสือขาว ก็เพราะในทางฮวงจุ้ย จะให้ความสำคัญกับตำแหน่งมังกรเขียวมากกว่าตำแหน่งเสือขาว ด้วยมังกรเป็นสัตว์สวรรค์เหนือกว่าเสือที่เป็นเพียงสัตว์โลก ตำแหน่งมังกรเขียวจึงต้องโดดเด่นกว่า แต่ความสูงก็ห้ามเกินตำแหน่งประธานที่อยู่ตรงกลางด้วย

 

นอกจากเรื่องของความสูงต่ำของตำแหน่งทั้งสองแล้ว เรื่องความกว้างยาวก็จะต้องนำมาพิจารณาด้วย ถ้ากรณีที่ความสูงเท่ากัน แต่มีครบส่วนของความกว้างยาวที่ไม่เท่ากัน ในตำราฮวงจุ้ยบอกว่า ตำแหน่งมังกรเขียวด้านซ้าย ต้องยาวกว่าตำแหน่งเสือขาว พูดง่ายๆคือ ยังไงตำแหน่งมังกรเขียวจะต้องเด่นและใหญ่กว่านั้นเอง แบบบ้านลักษณะนี้จะต้องใช้กับบ้านหลังใหญ่ที่มีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง เพราะถ้านำไปใช้กับที่ดินเล็กๆแล้ว จะทำให้บ้านเต็มพื้นที่ กลับเป็นผลเสียมากกว่า บ้านลักษณะเสือขาวมังกรเขียวนี้ ทางฮวงจุ้ยถือว่าเป็นแบบบ้านที่มีองค์ประกอบที่สมบูรณ์ที่สุด เพราะมีองค์ประกอบของประธานและบริวารครบถ้วน เป็นบ้านที่บ่งบอกถึงอำนาจและความมั่นคงของเจ้าของบ้าน

 

TIP : การสร้างบ้านอยู่บนเนินเล็ก ๆ ทำให้ธุรกิจการค้าเจริญ

ถ้าตัวบ้านตั้งอยู่บริเวณเนินเล็กๆ หรือเนินสูงเพียงใดก็ตาม แต่รอบตัวบ้านเป็นลักษณะเนินลาดต่ำลงไป ถือว่าเป็นบ้านที่เข้าลักษณะมหามงคล คู่สมรสที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ ไม่เพียงแต่จะปรองดองรักใคร่กันแล้ว แต่คุณทั้งคู่จะยังค่อนข้างร่ำรวย ทําธุรกิจการค้าใดๆ ก็ประสบความสำเร็จ ตำแหน่งหน้าที่การงานค่อนข้างรุ่งเรือง มีเกียรติยศมีชื่อเสียงและเป็นที่นับหน้าถือตาของบุคคลทั่วไปด้วย

 

ที่มาและการอ้างอิง

ฮวงจุ้ยการสร้างบ้าน-ต่อเติมบ้าน โดย มาโนช ประภาษานนท์

Exit mobile version