ชาวจีนเชื่อว่าความสำเร็จของมนุษย์ประกอบด้วย 3 ปัจจัย คือ
1.ชะตามนุษย์ หรือสิ่งที่มนุษย์สร้างเองจากความรู้ความสามารถ
2.ชะตาฟ้า เป็นพลังงานที่เกิดจากการโคจรของดวงดาว ซึ่งส่งผลต่อชีวิต และปรับเปลี่ยนเองไม่ได้ ทั้งยังเป็นตัวกำหนดดวงชะตาของคนเราด้วย เพราะเมื่อการโคจรของดาวก่อให้เกิดพลังสอดคล้องหรือเต็มเต็มพลังในตัว ก็จะส่งผลดีกับคนๆนั้นหรือเรียกว่าดวงดี แต่เมื่อไหร่ที่การโคจรไม่สอดคล้องกับพลังงานในตัว ก็จะส่งผลร้ายหรือดวงไม่ดี
3.ชะตาดิน เป็นสรรพสิ่งรอบตัวหรือฮวงจุ้ยซึ่งส่งผลดีต่อชีวิตคนเช่นกัน
ทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งกับ 3 ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อดวงชะตาของคนเรา
1.ชะตามนุษย์
ชะตามนุษย์คือสิ่งที่มนุษย์กระทำเองโดยอาศัยความรู้ความสามารถ ความขยัน ความอดทน สติปัญญา และปัจจัยพื้นฐานที่ทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จเสมอ จึงเป็นจุดตั้งต้นของทุกปัจจัย ถ้าหากเกิดมามีชะตาฟ้าหรือดวงดี ชะตาดินหรือฮวงจุ้ยดี แต่ตัวคนนั้นไม่สร้างหรือพยายามเอง ก็ไม่มีวันประสบความสำเร็จได้ ดังนั้นจึงต้องทำปัจจุบันให้ดีที่สุดก่อน อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีความเพียรพยายามทุ่มเท ก็ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จเสมอไป เพราะหลายคนมีความรู้ความสามารถ แต่ไม่อาจทำให้ชีวิตเจริญรุ่งเรืองได้ เปรียบเสมือนเมล็ดพืชชั้นดี ที่ไปอยู่ในสภาพดินฟ้าอากาศหรือภูมิที่ไม่เหมาะสม จึงไม่สามารถเจริญเติบโตได้ ดังนั้นนอกจากชะตามนุษย์ที่ดี แล้วยังต้องอาศัยอีก 2 ปัจจัยคือ “ชะตาฟ้าและชะตาดิน”
2.ชะตาฟ้า
เป็นพลังระดับจักรวาล การโคจรของโลกและดวงดาว ที่กำหนดให้สัมพันธ์กับมนุษย์และสรรพสิ่ง ซึ่งชะตาฟ้าก็คือที่มาของวิชาดวงจีนนั่นเอง การโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ที่ทำให้เกิดฤดูกาล ก็เป็นส่วนหนึ่งของการกำหนดชะตาฟ้า ฤดูกาลที่หรือช่วงเวลาต่างๆประกอบด้วย เดือน วัน ยาม ซึ่งมีความเป็นธาตุแต่ละธาตุอยู่ คือ ไม้ ไฟ ดิน ทอง น้ำ ตัวอย่างเช่น คนที่เกิดเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นเดือนที่มีอากาศเย็นที่สุด ก็เปรียบเสมือนเกิดเดือนธาตุน้ำ เนื่องจากธาตุน้ำเป็นธาตุที่เย็นที่สุดใน 5 ธาตุ ทำให้คนที่เกิดเดือนนี้ประจุพลังของธาตุน้ำอยู่ในตัวในตอนเกิด ในขณะที่เดือนพฤษภาคมและมิถุนายนซึ่งเป็นฤดูร้อนหรือดูธาตุไฟ คนที่เกิดใน 2 เดือนนี้ ก็จะประจุพลังธาตุไฟ เป็นต้น ส่วนเวลาเกิดนั้น ซึ่งก็แบ่งเป็นธาตุได้เช่นกัน ถ้าเกิดเวลากลางคืนเป็นเวลาที่เย็นที่สุดของแต่ละวัน ก็เป็นเวลาธาตุน้ำ ถ้าเกิดใกล้เที่ยงวันที่เป็นช่วงร้อนที่สุด ก็เป็นเวลาธาตุไฟซึ่งคนเกิดเวลาไหนก็จะประจุพลังธาตุนั้นเข้าไป
ส่วนปี 12 นักษัตริย์ก็มีความเป็นธาตุ โดยอธิบายได้ว่า โลกใช้เวลาหมุนรอบดวงอาทิตย์ 1 ปี ขณะที่ดาวพฤหัสซึ่งเป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะหรือมีมวลมากกว่าโลกประมาณ 400 เท่า ใช้เวลาโคจรรอบดวงอาทิตย์ 12 ปี ดังนั้นทุกๆปีที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ จะมีองศาที่เกิดแรงดึงดูดกับดาวพฤหัสต่างกัน 12 รูปแบบ เพราะดาวพฤหัสนั้นหมุนรอบดวงอาทิตย์ 12 ปี จึงเป็นที่มาของ 12 นักษัตร ซึ่งแท้จริงแล้วนักษัตรไม่ได้มีพลังงานหรือลักษณะเป็นเหมือนสัตว์ชนิดนั้นจริงๆ เช่น ปีชวดไม่ได้แปลว่าเป็นหนู แต่ชวดเป็นพลังงานธาตุน้ำหรือพลังที่เย็นที่สุด โดยนิสัยของหนูแล้ว หนูเคลื่อนไหวเหมือนน้ำที่ไหลไปได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นอาคารบ้านเรือนหรือทุ่งนาชนบท และหนูมักออกหากินเวลากลางคืน ซึ่งก็เป็นเวลาที่เย็นที่สุด หรือเวลาธาตุน้ำนั่นเอง ส่วนที่บอกว่าเกิดปีกระต่ายแล้วลูกจะดก หรือเกิดปีเสือจะเป็นคนดุนั้น แท้จริงแล้วเป็นเพียงความเชื่อ เพราะถ้าเป็นตามลักษณะของนิสัยสัตว์จริงๆ แล้วคนที่เกิดปีมะโรง ปีมังกร จะมีนิสัยแบบไหนคงไม่มีใครตอบได้ เนื่องจากไม่เคยเห็นมังกรจริงๆสักที
จากที่กล่าวมาปีนักษัตรจะแปลงเป็นธาตุทั้ง 5 คือ
- ปีขาล ปีเถาะ เป็น ธาตุไม้
- ปีมะเส็ง ปีมะเมีย เป็น ธาตุไฟ
- ปีวอก ปีระกา เป็น ธาตุทอง
- ปีกุน ปีชวด เป็น ธาตุน้ำ
- ปีมะโรง ปีมะแม ปีจอ ปีฉลู เป็น ธาตุดิน
ซึ่งเกิดปีไหนก็จะมีพลังธาตุนั้นปัจจุในตัว ส่วนวันก็มีความเป็นธาตุด้วย แต่อธิบายการคำนวณเพื่อทำนายดวงได้ซับซ้อนกว่าที่กล่าวมา โดยดวงจีนของแต่ละคนนั้น จะต้องประกอบจากธาตุต่างๆจาก 8 องค์ประกอบ โดยแบ่งได้ดังนี้
- 2 ธาตุมาจากพลังปีเกิด
- 2 ธาตุมาจากพลังเดือนเกิด
- 2 ธาตุมาจากพลังของวันเกิด
- 2 ธาตุมาจากพลังยามหรือเวลาเกิด
รวมทั้งหมดเป็น 8 ส่วนหรือเรียกกันว่า “วิชาโป๊ยยี่ซี้เถียว” (โป้ย แปลว่า แปด ส่วนหยี่ แปลว่า ตัวอักษร)
สิ่งเหล่านี้มีผลกับตัวเรา ช่วงเวลาที่เปลี่ยนไปจะเกิดความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานของธาตุที่ประจวบอยู่ในตัว กับพลังของธาตุต่างๆของวันเวลาจริงในปัจจุบัน ซึ่งหากสอดคล้องกันก็ทำให้ดวงดี แต่หากขัดแย้งกันก็เป็นที่มาของดวงไม่ดี สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเดือนวันยามฤดูกาลเกิดจากการโคจรของดาวในระบบสุริยะจักรวาล เรียกว่าชะตาฟ้าหรือพลังงานระบบสุริยะ ดังนั้นชะตาฟ้าจึงปรับเปลี่ยนไม่ได้ เพราะเราไม่สามารถควบคุมให้ดวงดาวในระบบสุริยะจักรวาลหยุดโคจร หรือโคจรช้าเร็วตามต้องการ แม้ว่าจะสะเดาะเคราะห์ด้วยวิธีใดๆก็ไม่อาจเปลี่ยนธรรมชาติของการโคจรของดาวได้ สิ่งเหล่านี้จึงเรียกว่าฟ้าลิขิต
ดังนั้นเมื่อดูดวงแล้วผู้ทำนายตีความถูกต้องจนทราบถึงจังหวะชีวิตที่มีการขึ้นลงที่แน่นอน ก็สามารถวางแผนรับมือกับโชคชะตาได้ ถ้าดวงดีก็เตรียมกระทำการใดๆให้เกิดผลดีมากที่สุด ถ้าดวงร้ายก็ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดอุปสรรคมากขึ้น นี่คือความสำคัญในการตรวจดวงชะตาของคน
3. ชะตาดิน
ชะตาดินหรือ “ฮวงจุ้ย” จะกล่าวถึงพลังงานที่ได้รับจากสิ่งแวดล้อม ทั้งในที่พัก ที่ทำงาน หรือที่ไหนก็ตามที่อาศัยอยู่นานๆ ทำให้มีพลังงานจากสิ่งแวดล้อมสะสมอยู่ในตัว ถ้าเป็นพลังงานที่ดีก็ส่งผลดี แต่ถ้าเป็นพลังงานร้าย ก็จะส่งผลร้ายได้ เรียกว่าเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ปรับเปลี่ยนชีวิตให้ดียิ่งขึ้นและแย่ลงได้
“ฮวง คือ ลม” “จุ้ย คือ น้ำ” ทั้งสองอย่างเป็นพลังที่ธรรมชาติสร้างขึ้น หากอิงในเชิงวิศวกรรม ทั้งลมและน้ำต่างเป็นวัตถุที่ไหล อีกทั้งฮวงจุ้ยในเชิงพลังงานว่าด้วยการบริหารพลังงานของไหลทั้งสองนี้ เป็นหลักทำให้นักจัดฮวงจุ้ยหรือซินแสต้องคำนึงถึงการไหลเวียนของพลัง และรู้จักเหนี่ยวนำกระแสพลังที่ดีให้ไหลเข้าสู่บ้าน และนำพลังร้ายให้ไหลออกนอกบ้าน โดยหลักแท้จริงของการบริหารพลังธรรมชาตินั้น ใช้หลักวิชาเชิงชัยภูมิของสถานที่จริง และหลักวิชาว่าด้วยการคำนวณองศาจากทิศทางจริงๆมาประยุกต์ร่วมกัน โดยดูว่าชัยภูมิมีจุดจ่ายกระแสพลังงานที่ดีจากทิศทางใด และชัยภูมิที่รองรับจัดเก็บพลังงานที่ดีไว้ในบ้านเพียงพอหรือไม่ ขณะเดียวกันก็ต้องมีจุดปล่อยกระแสพลังงานที่ไม่ดีจากชัยภูมิในองศาที่ถูกต้อง
พลังงานทางฮวงจุ้ยหรือสรรพสิ่งรอบตัวอย่างถูกจำแนกเป็น 5 ธาตุ คือ ดิน ทอง น้ำ ไม้ ไฟ เช่นเดียวกับวิชาดวงจีนหรือชะตาฟ้า ซึ่งทั้ง 5 ธาตุนั้นสร้างความสมดุลในด้านพลังงาน โดยอธิบายความสมดุลของพลังงานนั้นจากวงจรของธาตุ ซึ่งมีธาตุหนึ่งก่อเกิดอีกธาตุ บางธาตุทำลายหรือควบคุมอีกธาตุ หรือบางธาตุถ่ายเทกำลังของอีกธาตุ คนจีนอธิบายว่าทุกสรรพสิ่งนั้น แจกแจงธาตุจากรูปแบบของพลังงานวัตถุธาตุของสรรพสิ่ง รูปทรง สี เป็นต้น ทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม จากนั้นจึงใช้หลักปฏิกิริยาถ้าควบคุมพลังงานทางธรรมชาตินั้น
โดยหลักการพลังงานของธาตุทางวิชาดวงจีนหรือชะตาฟ้านั้นสำคัญกับธาตุของวิชาฮวงจุ้ยหรือชะตาดิน จึงเป็นที่มาของการที่ซินแส นิยมให้แก้ไขฮวงจุ้ยเพื่อปรับดวงชะตา ตัวอย่างเช่น ดวงชะตาคนที่ต้องการธาตุไม้ก็อาจจะใช้ของส่วนตัวหรือสรรพสิ่งรอบตัวที่ทำจากไม้เยอะๆ ใช้สีเขียวมากๆ หรือนอนหันหัวไปทางทิศตะวันออกที่เป็นพลังธาตุไม้ ส่วนคนชอบธาตุน้ำก็จะอยู่บริเวณที่มีน้ำเยอะ ไม่ว่าจะเป็นสระน้ำ บ่อน้ำธรรมชาติ หรือใช้สีฟ้าสีน้ำเงินให้มาก เป็นการปรับดวงชะตาหรือหัวนอนไปทางทิศเหนือที่เป็นพลังธาตุน้ำ
จากที่กล่าวมานั้นทั้งชะตามนุษย์ชะตาฟ้าชะตาดิน ต่างเป็นตัวกำหนดความสำเร็จของมนุษย์ โดยสิ่งที่กำหนดได้คือชะตามนุษย์ การที่่จะฝืนชะตาฟ้าเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ และชะตาดินนั้นจริงแล้วเป็นสิ่งที่กำหนดได้ เพียงแต่หลายคนมองข้ามหรือไม่เข้าใจว่า สรรพสิ่งรอบตัวเรามีพลังงานและมีผลกับเราอย่างไร ดังนั้น คนที่เข้าใจเรื่องของพลังงานจากสรรพสิ่งต่างๆ สามารถปรับชะตาดินของตนเองได้ ไม่ว่าจะเรียนรู้จากตำราหรือปรึกษาซินแสที่มีประสบการณ์ เพราะหากว่าเรา กำหนดชะตาดินและชะตามนุษย์ที่เกิดจากความพากเพียรได้ดีแล้ว แม้ว่าจะตาฟ้าหรือดวงจะแย่แค่ไหน แต่ปัจจัยที่กำหนดเองได้ 2 จาก 3 ปัจจัยนั้นก็จะช่วยให้ชีวิตเจริญรุ่งเรืองได้
สำหรับคนที่มีชะตามนุษย์ไม่ดีหรือไม่เอาการเอางาน แต่มีชะตาฟ้าและชะตาดินดีถือว่ามี 2 ใน 3 ปัจจัยที่ดี ก็จะพบโชคลาภและสุขสบายในชีวิต แต่ไม่ประสบความสำเร็จด้วยตัวเอง เสมือนลูกที่มีพ่อแม่รวยคอยอุปถัมภ์ทั้งชีวิต แต่ไม่สามารถสร้างความสำเร็จจากตนเองได้ ส่วนคนที่มีชะตามนุษย์และชะตาฟ้าดี ชะตาดินไม่ดี จริงอยู่ที่ปัจจัย 2 ใน 3 อย่างนั้นดี ชีวิตก็อาจประสบความสำเร็จได้ แต่ถ้าพิจารณาแล้วชะตาฟ้านั้น คงไม่ได้กำหนดให้แต่ละคนมีชะตาชีวิตหรือดวงดีเสมอไป ต้องมีช่วงเวลาที่เกิดดวงไม่ดีบ้าง ซึ่งจะเป็นเหตุให้ชีวิตไม่เจริญรุ่งเรือง ดังนั้นจึงต้องพิจารณาใช้ชะตาดินเป็นตัวเสริม ให้มีความเจริญรุ่งเรืองในช่วงที่ดวงตก เพื่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองต่อเนื่อง ดังนั้นหากสร้างชะตาดินให้ดีโดยมีชะตาฟ้าและชะตามนุษย์ได้ด้วยนั้น ก็จะเปรียบเสมือนพยัคฆ์ติดปีก ที่ได้รับความสำเร็จในเรื่องต่าง ๆ ได้
ที่มาและการอ้างอิง
อาจารย์เกริกวิชญ์ กฤษฎาพงษ์