วันพฤหัสบดี, 28 พฤศจิกายน 2567

ชาคาโมมายล์ ช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะ อาการปวดเกร็งหน้าท้องจากการมีประจำเดือน ช่วยให้หลับสบาย Ep.76

มีอาหารหรือเครื่องดื่มชนิดใดบ้างที่มีคุณค่าและประโยชน์ต่อสุขภาพเหมือน “ชา” เป็นเวลาหลายพันปีมาแล้วที่ชาวจีนรู้ดีว่า “ชา” อุดมไปด้วยประโยชน์ที่ส่งผลดีต่อสุขภาพตั้งแต่หัวจรดเท้า และด้วยความอัศจรรย์จากพืชธรรมชาตินี้เองที่ทำให้ทั่วโลกหันมาสนใจดื่มชาเพื่อรักษาสุขภาพ ปัจจุบันมี “ชา” มากมายหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น ชาจากต้นชา ชาดอกไม้ หรือแม้แต่ชาจากใบพืชชนิดอื่นๆ ที่นำมาตากแห้งและชงดื่ม  “ชา” แต่ละชนิดมีคุณสมบัติรวมถึงประโยชน์ต่อร่างกายที่แตกต่างกันออกไป จากการวิจัยพบมากว่าใน “ชา” มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระซึ่งมีผลในการบำรุงร่างกายและรักษาโรคต่างๆรวมไปถึงการช่วยปรับสภาพร่างกายให้สมดุลอยู่เสมอ

 

 

ถ้าเป็นเครื่องดื่มจากธรรมชาติที่ไร้การปรุงแต่งใส่สี แต่อุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย นอกจากนี้ยังไม่มีโซเดียมและไขมันซึ่งอาจส่งผลเสียต่อร่างกาย เมื่อเทียบสารกาเฟอีนในชาและกาแฟ 1 แก้ว จะพบว่า ในชา 1 แก้ว มีกาเฟอีน 30 mg. ในขณะที่กาแฟมีสารกาเฟอีนถึง 150 mg. แต่ถ้ามีสารที่เรียกว่าเทนนินเช่นเดียวกับกาแฟซึ่งมีผลต่อการจับตัวของคราบที่ฟัน

 

6 ชาที่ได้จากสมุนไพร ซึ่งไม่มีสารกาเฟอีนและยังมีประโยชน์ต่อร่างกายดังต่อไปนี้

 

1.ชาคาโมมายล์ ช่วยในการบรรเทาอาการปวดท้อง ปวดศีรษะ ช่วยระบบย่อยอาหารและอาการปวดเกร็งหน้าท้องจากการมีประจำเดือนในสตรี นอกจากนี้ชาช่วยให้หลับสบาย

2.ชาเปปเปอร์มินต์ บรรเทาอาการปวดแสบลำไส้และอาการปวดท้อง

3.ชากุหลาบ เป็นแหล่งอุดมด้วยวิตามินซี

4.ชาขิง บรรเทาอาการคลื่นเหียนอาเจียนและบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนในสตรี

5.ชาราสเบอร์รี่ ช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้อง

6.ชายี่หร่า ช่วยให้เจริญอาหารและช่วยระบบย่อยอาหารในกระเพาะและลำไส้

 

ชาวจีนจึงได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่เริ่มการดื่มชาเป็นชนชาติแรก ทราบดีว่าชาที่ดื่มนั้นช่วยให้เจริญอาหารและช่วยระบบย่อยอาหารให้มีความสมบูรณ์ นอกจากนี้ ชายังช่วยทำความสะอาดระบบชำระต่างๆของร่างกายด้วยคุณลักษณะทางเคมีต่างๆที่มีอยู่ในชา ปัจจุบันมีชากว่าหลายร้อยชนิด ทั้งดื่มเพื่อรักษาสุขภาพ รักษาโรค หรือดื่มเพราะความชื่นชอบในรสชาติและความหอมของชา ซึ่งจริงๆแล้ว ชาทั้งหมดแยกย่อยออกมาจากชา 3 ชนิด คือ ชาเขียว ชาอู่หลง ชาดำ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับกรรมวิธีในการเก็บเกี่ยว ระยะเวลาในการบมและอบใบชา ซึ่งมีผลทำให้ชาแต่ละชนิดมีสีสันรสชาติและกลิ่นที่แตกต่างกันออกไปหลากหลายโดยแบ่งออกเป็น 3 ข้อ ดังนี้ 

1.ชาเขียว เป็นสารที่ไม่ผ่านกระบวนการบมหรืออบนานเหมือนชาอื่นๆ ยอดอ่อนใบชาที่เก็บได้ จะถูกนำเข้าอบด้วยความร้อนทันที จึงทำให้เอนไซม์ต่างๆในใบชายังคงมีอยู่เช่นเดิม เราจึงยังคงเห็นสีเขียวได้ชัด ในการอบจะทำจนกว่าจะแห้ง ชาเขียวที่ชงแล้วจะมีลักษณะใส บ้างทีก็มีรสชาติและกลิ่นหอมคล้ายๆผัก

2.ชาอู่หลง เป็นสารที่ได้รับการบ่มแบบไม่สมบูรณ์ เป็นชาที่เก็บได้ จะถูกนำมาตากแดดจัด 4-5 ชั่วโมง หลังจากนั้นจึงนำเข้าอบด้วยความร้อน ใบชาที่ได้จึงมีสีเข้มกว่าชาเขียว น้ำชาที่ได้ก็จะมีสีเข้มเช่นเดียวกัน รสชาติของชาอู่หลงจะเข้มข้นกว่าชาเขียว และมีกลิ่นของผลไม้หรือดอกไม้ติดดินซึ่งเป็นเสน่ห์ของชาอู่หลง

3.ชาดำ เป็นชาที่ผ่านกระบวนการบ่มและอบอย่างเต็มที่ ใบชาที่เก็บได้จะถูกนำมาตากแดดจัด 1 วัน จากนั้นจึงนำไปอบด้วยความร้อนอีกครั้งหนึ่ง ใบชาที่ได้จึงมีสีเข้มดำกว่าชาทั้งสองประเภทที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ รสชาติของชาดำขึ้นอยู่กับสถานที่และดินที่ปลูก แต่จะมีรสชาติที่ค่อนข้างเข้มข้นและมีกลิ่นแปลกไม่เหมือนชาชนิดอื่น

 

ในใบชาที่ใช้ชงดื่มนั้นมีสารอาหารอยู่ภายในเช่นเดียวกับอาหารชนิดอื่นๆ แต่สารที่อยู่ในใบชาส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นวิตามินและเกลือแร่คล้ายผักและผลไม้ ไม่มีไขมัน และยังให้พลังงานเช่นเดียวกับอาหาร โดยมีสารอาหาร 10 ประเภทที่มีอยู่ในใบชาได้แก่

1.วิตามินบี 1 = 9 เปอร์เซ็นต์

2.วิตามินบี 6 = 6 เปอร์เซ็นต์

3.กรดโฟลิกหรือวิตามินบีรวม = 10 เปอร์เซ็นต์

4.ธาตุแมงกานีส

5.ธาตุฟลูโอไรด์

6.วิตามินบี 2 = 25 เปอร์เซ็นต์

7.แคลเซียม = 16 เปอร์เซ็นต์

8.วิตามินซี

9.ธาตุโพแทสเซียม

10.เบต้าแคโรทีน

 

 

5 ประโยชน์ของชาต่อร่างกาย

1.ดูแลหัวใจ ชาได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี ว่าช่วยป้องกันความเสี่ยงในการเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจ และความดันโลหิตสูง จากการวิจัยพบว่า ผู้ที่ดื่มชาเป็นประจำมีอัตราการเป็นโรคหัวใจและความดันโลหิตน้อยกว่าผู้ที่ไม่ดื่มชา และผู้ที่เป็นโรคหัวใจที่ดื่มชา ก็พบว่ามีอาการของโรคน้อยลง และยับยั้งความเสี่ยงที่จะมีอาการแทรกซ้อนของโรคอื่นๆได้ จากการวิจัยของมหาวิทยาลัยบอสตันประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า ชาดำมีคุณสมบัติในการช่วยซ่อมแซมหลอดเลือด และเป็นเลือดที่เสียหายในผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจอักเสบ นอกจากนี้ใช้ยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดให้ต่ำลงเป็นการป้องกันไขมันอุดตันในเลือดได้เป็นอย่างดี

2.ชาทุกชนิดที่ดื่มสามารถป้องกันโรคต่างๆที่เกิดจากผิวหนังได้ เช่นสารสกัดจากชาที่ผสมในครีมทาผิว จะช่วยป้องกันแสงแดดหรืออาการผิวหนังอักเสบ นอกจากนี้ การดื่มชายังช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้ จากการวิจัยของต่างประเทศพบว่า ชาอู่หลงมีคุณสมบัติในการดูแลรักษาผิวพรรณเป็นอย่างดี เมื่อมีการให้ผู้ป่วยอาการผิวหนังอักเสบหรือโรคแพ้ตามผิวหนัง ดื่มชาควบคู่ไปกับการใช้ยาจากแพทย์ พบว่าผู้ป่วยที่ดื่มชาควบคู่กับการรักษาแบบแผนปัจจุบันมีอาการอักเสบของผิวหนังลดลง และหายได้รวดเร็วกว่าผู้ที่ใช้ยาจากแพทย์อย่างเดียว นับตั้งแต่มีการนำชามาใช้ในการดูแลรักษาผิวพรรณ ยังไม่ปรากฏอาการแพ้หรืออาการแทรกซ้อนเลย นอกจากนี้ยังพบว่า “ชา” มีสารที่ช่วยชะลอความเหียวย่นของผิวหนัง ซึ่งเหมาะสำหรับการดูแลรักษาสุขภาพ

3.ดูแลกระดูกและฟัน ในใบชามีวิตามินบีรวม แคลเซียมมาก ซึ่งมีผลในการช่วยดูแลรักษากระดูกและฟันให้แข็งแรง โดยเฉพาะในชาอู่หลงที่อุดมไปด้วยสารดังกล่าวมากกว่าชนิดอื่น ทั้งยังมีสารที่ช่วยยับยั้งและฆ่าเชื้อแบคทีเรียในช่องปากและลำคอ ซึ่งช่วยป้องกันฟันผุและโรคเหงือกอักเสบ

4.ต่อต้านมะเร็ง จากการศึกษาและวิจัยพบว่า จะสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งได้ และช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งให้ก่อตัวช้าลงสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งโดยเฉพาะ ชาเขียวและชาดำซึ่งพบว่ามีสารที่ช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้มากกว่าชาชนิดอื่น “ชา” มีแอนตี้ออกซิเด้น ซึ่งช่วยในการยับยั้งการก่อตัวของเซลล์มะเร็งและยังฆ่าเซลล์มะเร็งที่มีในร่างกายทำให้มะเร็งไม่ลุกลาม

5.ดูแลร่างกายและสร้างภูมิคุ้มกัน นอกจาก “ชา” จะมีคุณสมบัติในการดูแลและป้องกันโรคต่างๆแล้ว ยังมีคุณสมบัติช่วยในการดูแลร่างกายจากภายใน โดยช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย สำหรับผู้ที่มีอาการภูมิแพ้ และส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้มากขึ้น สำหรับผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงปกติ และยังช่วยบำรุงระบบต่างๆภายในให้เป็นปกติ โดยเฉพาะระบบไหลเวียนโลหิต ต่อต้านการติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสภายในร่างกาย ดูแลระบบลำไส้ให้ทำงานเป็นปกติ ทั้งในส่วนของการย่อยและการดูดซึมอาหารที่หล่อเลี้ยงร่างกาย และยังช่วยลดอาการข้ออักเสบได้อีกด้วย

 

หากคุณเป็นผู้หนึ่งที่ใส่ใจสุขภาพและสนใจที่จะดื่มชา เพื่อช่วยในการดูแลสุขภาพและดับกระหาย คุณจำเป็นต้องเลือกชาที่เหมาะสมกับตัวเอง เพราะในท้องตลาดและร้านอาหารเพื่อสุขภาพ มีชาหลากหลายชนิดให้ได้เลือก ดังนั้นการเลือกใช้ให้เหมาะกับตัวเอง ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น รสชาติ กลิ่น หรือ คุณสมบัติในการดูแลรักษาโรค ชาทุกชนิดเป็นเครื่องดื่มเพื่อดับกระหาย ไม่ว่าจะดื่มแบบร้อนหรือเย็น ช่วยให้ผู้ดื่มมีความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า นอกจากลดอาการอ่อนเพลียเมื่อยล้า นอกจากนี้ คุณสมบัติในใบชาอย่างช่วยในการป้องกันโรคต่างๆได้เป็นอย่างดี เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ เป็นต้น

 

5 ประเภท “ชา” กับสรรพคุณเด่นที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย

1.ชาเขียว ชาเขียวเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องเผชิญกับความเครียด ทั้งจากการงาน มลพิษ ความร้อนของชาเขียว จะช่วยทำให้ผู้อื่นมีความสดชื่น ลดอาการปวดเวียนศีรษะ นอกจากนี้ ชาเขียวยังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยป้องกันและยับยั้งการเกิดมะเร็งได้เป็นอย่างดี สำหรับผู้ที่มึนเมาจากสุรา ชาเขียวก็สามารถลดอาการเมาค้างปวดศีรษะได้ด้วยเช่นกัน

2.ชาอู่หลง : ชาอู่หลงเหมาะสำหรับผู้ที่ชอบออกกำลังกาย ผู้ที่เสียเหงื่อมากๆ หรือผู้ที่ทำงานที่ต้องออกแรงอยู่เสมอ ความร้อนของชาอู่หลงจะทำให้มีกำลังทั้งจากภายในและภายนอก นอกจากนี้ ยังช่วยลดคอเลสเตอรอลและไขมันในเลือด เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบรับประทานเนื้อสัตว์และไขมัน

3.ชาดำ : ชาดำมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ ชาดำมีสรรพคุณปรับปรุงสภาพเส้นเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงหัวใจ นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดคราบหินปูนเกาะฟันได้เป็นอย่างดี

4.ชาขาว : ชาขาวมีคุณสมบัติที่ทำให้รู้สึกสดชื่น กระชุ่มกระชวยอย่างเห็นได้ชัด และนอกจากนี้ ยังนำชาขาวมาทำเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอาง ปกป้องผิวจากการถูกทำลายโดยแสงแดด เพิ่มภูมิต้านทาน ทำให้ผิวไม่เครียดชะลอความแก่

5.ชาดอกไม้ : ชาดอกไม้ที่ได้จากดอกไม้อบแห้ง น้ำชาจะมีรสชาติและมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ไม่เหมือนชาจากใบชาแท้ ชาดอกไม้ช่วยให้ร่างกายและจิตใจสดชื่น กระฉับกระเฉงผ่อนคลายความอ่อนล้าของร่างกายจากการงานและความเครียด

 

ที่มาและการอ้างอิง

กินเป็นอายุยืน : โดย รื่นรส หุตะเสถียร