องค์ประกอบของวิชา ฮวงจุ้ย ชั้นสูง จะประกอบไปด้วย รูปดวงบุคคล (ปี เดือน วัน ยาม) , ชัยภูมิ ทั้งมหภาค และ จุลภาค , หลี่ขี่ ทิศทาง องศา , ฤกษ์ยาม ทั้งนี้หากมีผู้แอบอ้างว่า “สามารถจัดฮวงจุ้ยให้รวยได้” จงตระหนักไว้เลยว่า ร้อยละ 90 เชื่อถือไม่ได้ เพราะว่าองค์ประกอบของการจัดฮวงจุ้ยแล้วรวย ไม่ใช่ว่าจะมีได้ทุกๆ คน ทั้งนี้มีกฏข้อบังคับเรื่องของรูปดวงบุคคล ลักษณะชัยภูมิ ทิศทาง องศา ฤกษ์ยาม และ กฏข้อบังคับอีกเป็นจำนวนมาก อีกทั้งผู้ที่จะกระทำการจัดฮวงจุ้ยดังกล่าวได้ ต้องเป็นผู้เข้าใจในระบบวิชาอย่างลึกซึ้ง และ แตกฉานฉะนั้น คำอ้างที่ว่า “จัดฮวงจุ้ยแล้วรวย” ก็เพียงแค่ผลทางการตลาด เพื่อที่จะหลอกล่อผู้สนใจที่มีความโลภหลงเชื่อเท่านั้น แต่ในท้ายที่สุด ก็ไม่ได้เกิดผลตามที่กล่าวอ้างเลย
หากจะถามว่า “ทำอย่างไร จึงจะจัดฮวงจุ้ยให้ได้ผลดังที่ถามมา” ตอบว่า หากแม้นพิจารณาจากรูปดวงแล้ว เห็นว่า บุคคลผู้นั้นสามารถจะสร้างฐานะ คือ มีความร่ารวยขึ้นมาได้ การจัดฮวงจุ้ยเพื่อให้ได้ผลดังกล่าว จะเริ่มตั้งแต่ การเลือกทำเล การหาองศา และ ทิศทางที่สัมพันธ์กับรูปดวงบุคคล ในการวางฮวงจุ้ยบ้านใหม่ทั้งหลัง คือ มีการวางตั้งแต่เริ่มสร้าง ทุกตำแหน่งจะวางด้วยฮวงจุ้ยทั้งหมด จากนั้น ซินแซจะทำนายผลในการวางฮวงจุ้ยว่า จะเกิดผลดีเมื่อใด? หรือ ได้รับผลจากการจัดฮวงจุ้ยเมื่อใด? การแก้ไขฮวงจุ้ยบ้านให้ได้รับความร่ารวย จึงเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เพราะต้องอาศัยองค์ประกอบจานวนมากดังที่กล่าวมาแล้วนั่นเอง
สรุปคือ
– ฮวงจุ้ยดี + ดวงดี = รุ่งโรจน์
– ฮวงจุ้ยดี + ดวงตก = ค้า พยุง
– ฮวงจุ้ยไม่ดี + ดวงไม่ดี = ม้วยมรณา
ชัยภูมิเป็นสิ่งสาคัญ เมื่อพูดถึงอภิปรัชญาจีน ระบบ ฟ้า ดิน คน โดยเฉพาะวิชาฮวงจุ้ย สิ่งที่จะขาดไม่ได้ก็คือ “ชัยภูมิ” อาจกล่าวได้ว่า ชัยภูมิ คือ หัวใจ เป็นสิ่งสำคัญของผู้ศึกษาวิชานี้เลยก็ว่าได้ เพราะว่า ผู้มีความเข้าใจในระบบชัยภูมิ ย่อมเข้าใจวิชาฮวงจุ้ยอย่างแตกฉาน แต่สิ่งที่คนทั่วไปไม่ทราบก็คือว่า ชัยภูมิสามารถเป็นสิ่งกำหนดความเป็นไปของบุคคลภายในบริเวณพื้นที่นั้นๆ ได้เลย ทั้งในระบบมหภาคและจุลภาค ในทางวิชาฮวงจุ้ยชั้นสูงนั้น ให้ความสำคัญกับชัยภูมิเป็นอย่างสูง อาจกล่าวได้ว่า ชัยภูมิมีอิทธิพลต่ออาคารบ้านพักอาศัยนั้นๆ มากถึง 50 ส่วน ในจำนวน 100 ส่วน ซึ่งจะมีใครสักกี่คนรู้ว่า ในทุกช่วงเวลาที่ชัยภูมิเปลี่ยนแปลงไป ผู้อาศัยในบริเวณนั้นๆ ย่อมมีความเปลี่ยนแปลงไป ทั้งความเป็นอยู่ อาชีพ สุขภาพ และ นิสัย ย่อมเปลี่ยนไปตามสภาวะแวดล้อม
ผู้ศึกษาวิชาฮวงจุ้ยบางกลุ่ม ที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจในหลักวิชา มักให้ความสำคัญกับ “หลักการชัยภูมิ” น้อยมาก จนบุคคลที่ตั้งตัวเป็นอาจารย์สอนหลักวชิ าฮวงจุ้ยเฮี่ยงคง ดาว 9 ยุค บางคน ถึงกับกล้ากล่าวว่า “ชัยภูมิเป็นแค่พื้นฐานในหลักวิชาฮวงจุ้ย ซินแสชั้นสูงย่อมให้ความสำคัญกับหลักการคำนวณปราณ” แต่ตามหลักวิชาและซินแสผู้ศึกษาวิชาฮวงจุ้ยชั้นสูง ต่างให้ความสำคัญกับหลักวชิาชัยภูมิมากยิ่งกว่าหลักการคำนวณปราณ เพราะเมื่อใดก็ตามที่ชัยภูมิไม่ส่งเสริม การคำนวณปราณไม่มีผลทั้งสิ้น หรือหากมีผล ผลที่ได้รับก็เพียงน้อยนิด สำหรับผู้ให้ความสำคัญกับหลักวิชาชัยภูมิน้อย เนื่องจาก
1. ไม่มีผู้ที่มีความรู้ ความสามารถจริง ถ่ายทอด
2. ขาดความรู้ ความเข้าใจ ในกระบวนการของหลักวิชาฮวงจุ้ย
หลี่ขี่ ทิศทาง องศา การประเมินฮวงจุ้ยนั้น จะต้องดูดวงจีนเพื่อวิเคราะห์ว่า 5 ธาตุในดวง หยินหยาง สมดุลหรือไม่ หากไม่สมดุล ธาตุที่เข้ามาปรับดวงจะเรียกว่าธาตุสำคัญ เช่น พื้นดวงมีธาตุน้ำมากเกินไป ก็ต้องใช้ธาตุไม้มาถ่ายเทพลังน้ำ และส่งเสริมธาตุไฟเพื่อปรับอุณหภูมิดวง เป็นต้น จากนั้นก็จะดูสภาพแวดล้อม (ชัยภูมิ) และทิศทางของอาคาร ฮวงจุ้ยจะใช้ทิศพิงหรือทิศด้านหลังในการคำนวณพลังงานทางฮวงจุ้ย เช่น ทิศหลังบ้าน ทิศหลังโต๊ะทา งาน ทิศหลังสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทิศหัวนอนเป็นต้น เมื่อได้องศาและทิศทางแล้ว ก็จะวางตำแหน่งอาคาร โดยจัดผังออกเป็น 9 ช่อง และวิเคราะห์บทบาทของแต่ละตำแหน่ง หากจำ เป็นต้องปรับแก้ไขฮวงจุ้ยและดวงเพื่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง ก็จะดูฤกษ์ยามเพื่อป้องกันการกระทบในทิศห้าม (หากฮวงจุ้ยดีแต่ฤกษ์ไม่ดี จะมีเรื่องวุ่นวายก่อน แล้วจึงดีทีหลังครับ)
ความสำคัญของฤกษ์-ยาม ถ้าย้อนไปสมัยโบราณกาล สมัยที่พระมหากษัตริย์ยังต้องออกรบกับข้าศึก เราจะรู้ว่าสมัยนั้นท่านจะเน้นเรื่องฤกษ์งามยามดีเป็นสา คัญ เพราะท่านถือว่า การที่จะทำอะไรสักอย่างถ้าได้ทำการในวันที่เป็นวันดี ไม่ใช่วันสะดวกหรือฤกษ์สะดวก ก็จะช่วยให้การนั้นประสบความสำเร็จได้ดังปรารถนา
แต่สมัยนี้ ยุคนี้เป็นยุคที่ต้องแข่งขันกับเวลา ยุคของปากท้องเป็นเรื่องสำคัญ หลายคนจึงมองข้ามความสำคัญของตรงนี้ไป ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเหตุให้เวลาที่เราทำ การสิ่งใดที่เป็นมงคลแต่กับกลายเป็นอัปมงคลไปเสียงั้น ส่งผลเสียหลายอย่าง ลองสังเกตดูสิว่า บางทีเราทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ก็พึ่งทำบุญกันไปแต่ทำไมกับมีแต่เรื่องร้าย ๆ หรือทำไมบ้านนี้เราอยู่แล้วทำไมไม่เจริญ ทำไมมีแต่โรคภัยไข้เจ็บ มีแต่วิวาทบาดหมาง ครอบครัวแตกร้าวไม่ปกติสุข เป็นเพราะก่อนปลูกบ้าน ก่อนจะลงเสาเอก เราไม่ดูฤกษ์ดูยามกันให้ดีเสียก่อน ตรงนี้มีส่วนนะ
ฤกษ์-ยามก็มีหลายแบบ มีทั้งแบบหยาบ ๆ และแบบละเอียด บางคนดูแต่วัน ขอแนะนา ว่าถ้าดูอย่างนี้อย่าดูดีกว่า ไม่มีประโยชน์หรอก การดูฤกษ์ยามที่ดี จะต้องดูว่าวันไหนเป็นวันดีสำหรับดวงเกิดเรา หรือวันไหนวันกาลกิณีสำหรับเราก็ห้ามทำการใดทั้งสิ้น ไม่ใช่ดูฤกษ์ทั่ว ๆ ไป และควรจะดูข้างขึ้น ข้างแรมด้วย ว่าจะส่งเสริมเราในเรื่องอะไร ขึ้นกี่ค่ำ แรมกี่ค่ำ ดีอย่างไร ไม่ดีอย่างไร จึงจะส่งผลให้งานมงคลของเราเป็นสิริมงคลต่อชีวิตเราและคนในครอบครัว
แต่กล่าวมาทั้งหมด เป็นเพียงแค่ตัวอย่าง หลักการที่สำคัญ ผู้ที่คิดจะใช้ศาสตร์ฮวงจุ้ย ให้ประสบผลสำเร็จนั้น ผู้ที่ใช้จะต้องรู้จักพื้นดวงของตนเองเป็นสำ คัญ เพราะแต่ละคนแต่ละธุรกิจยอมเหตุที่ต่างกันไป วัน เวลา เป็นปัจจัยสาคัญที่แปลผันจึงต้องเรียนรู้ ที่จะใช้ศาสตร์ฮวงจุ้ย ให้สอดคล้องตามหลักการที่ถูกต้อง
ที่มาและการอ้างอิง
อาจารย์ สมศักดิ์ อัตถโกศล
ผู้ศึกษาค้นคว้าการมากกว่า 20 ปี