เคยไหมที่ความสัมพันธ์กับใครสักคนไม่ชัดเจน ถ้าแบบเป็นนี้แล้วคุณควรจะทำยังไงดี ถ้าคนที่เราคุยด้วยทุก ๆ วัน ไปเที่ยวก็ไปด้วยกัน ทำตัวเหมือนคนรักกัน มีอาการคิดถึงกัน แต่เค้าก็ยังไม่ยอมบอกสถานะกับเราซักที ว่าเราอยู่ในสถานะอะไร “เพื่อน” หรือ “แฟน”
เพราะแน่นอนว่า มันจะทำให้คุณต้องรู้สึกอึดอัดเวลามีคนมาถามว่า คุณกับเค้าเป็นไรกัน? ต่อมาก็คือคุณเองก็ไม่รู้ขอบเขตของตัวเอง ว่าทำอะไรได้บ้าง จะหวงเค้าได้ไหม อาการแบบนี้มันน่าอึดอัดมาก ๆ แล้วเราจะทำยังไงถึงจะรู้ซักทีว่าเราอยู่ในสถานะอะไร มีสิทธิ์แค่ไหน เราจะจัดการกับความรู้สึกแบบนี้ยังไงกันดี
หากมีใครสักคนทำให้ความรู้สึกของคุณต้องเป็นแบบนี้ เอาจริง ๆ มันคือการกระทำที่ให้ความรู้สึกที่แย่เอามาก ๆ เหมือนการไม่รับผิดชอบในการกระทำของตัวเองเลย คล้าย ๆ กับว่าพอใจอยากจะได้สิ่งของชิ้นนี้ก็หยิบเอาไปหน้าเฉย แต่ไม่คิดจะตอบแทนอะไรกลับมาให้กับเจ้าของได้รับรู้บ้าง
ดังนั้นหากเราโชคร้ายไปเจอคนแบบนี้เข้าละก็ เราก็ควรต้องตรึกตรองให้มาก ๆ หรือให้คิดให้เยอะ ๆ นั่นแหละ แต่อย่าไปคิดเข้าข้างตัวเองเด็ดขาดเลยนะ เพราะสิ่งที่เค้าทำอยู่ มันช่างสร้างความลำบากใจ และอึดอัดใจให้กับเราอย่างบอกไม่ถูกเลย
ในที่นี้อยากให้ความเห็นว่า ร้อยละ 80 เค้าอาจไม่ได้จริงจังกับคุณสักเท่าไร แล้วถ้าคุณเกิดทนไม่ได้จริง ๆ ถามเค้าไปตรง ๆ ก็ทำได้นะ แต่ต้องเตรียมใจว่าคำตอบที่ได้กลับมา อาจไม่ชัดเจน ประมาณว่า “ยังไม่แน่ใจว่ารู้สึกยังไงกันแน่” ประมาณนี้ก็ได้
เพื่อเป็นการปกป้องความรู้สึกของตัวเอง ไม่ให้แย่ไปมากกว่าที่เป็นอยู่ ก็แนะนำให้ถามเค้าไปตรง ๆ เลย หากคำตอบที่ได้มาคือเค้าไม่ได้คิดกับคุณแบบแฟน (ถ้า OK ก็คือ Happy ไปนะ) ก็ขอให้ห่าง ๆ เค้าไปเหอะ สถานะที่คลุมเครือไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีของคุณแน่นอน เพราะคุณต้องมองหน้าเค้าแล้วเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามอยู่ตลอดเวลา คุณคิดว่ามันคือความสุขหรือเปล่าหละ ในเมื่อสุดท้ายคนที่เสียใจกับก็คือคุณอยู่ดี เพราะต้องกลืนกินกับความรัก ที่เป็นเพียงรักเค้าข้างเดียวเหมือนข้าวเหนียวนึ่งอยู่แบบนี้ จะว่าไปผู้ชายที่ทำแบบนี้กับผู้หญิงก็เรียกกันง่าย ๆ ว่าเห็นแก่ตัวนั่นแหละ คบกันไปก็เสียเวลาเปล่า
เพราะเอาแค่ตรรกะง่าย ๆ นะ ผู้ชายที่เค้าจริงจังกับผู้หญิงจริง ๆ เค้าจะชัดเจน เราไม่ต้องมานั่งเดาให้วุ่นวายหรอก อาการมันฟ้องอยู่แล้ว แต่ประเภทที่มาแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ แบบนี้ คุณต้องทำใจเผื่อไว้เลยว่า เค้าพร้อมจะหยุดความสัมพันธ์กับคุณได้ทุกเมื่อ และเหตุผลมักจะฟังไม่ได้ด้วยนะ
มาดูผู้ที่มีประสบการณ์ที่มีสถานะคลุมเครือมาก่อน ว่าเค้าเจออะไรกันมาบ้าง
ประสบการณ์จากสมาชิก pantip ชื่อ : tobay
รู้จักกันตอนเรียนมหาลัย ตอนนี้ก็ 7 ปีแหละ แต่สถานะกำกวมมาก ต่างฝ่ายต่างมีเพื่อนในกลุ่มตัวเอง แล้วก็คิดเหมือนกันอีกว่า เวลาให้เพื่อนสำคัญกว่า เพราะฉะนั้น กว่าจะได้ไปไหนกัน 2 คน จะเป็นตอนที่ เพื่อนในกลุ่มของเรา แยกย้ายกลับบ้าน เช่น กลุ่มเค้าเลิกเรียนเสร็จไปร้านเกมส์ต่อ ก็จนกว่าจะเลิกเล่นนั้นแหละ ถึงโทรมาหา กลุ่มเรา เลิกเรียนเสร็จแยกย้ายกลับบ้าน เราก็ไปรอห้องสมุด เล่นเน็ตรอ นั่งเล่นหอเพื่อน รอโทรศัพท์ บางครั้งก็จะบอกเลย ไม่ต้องรอนะ เราก็กลับบ้าน (ซึ่ง%ไม่รอจะเยอะกว่า) จนกระทั่งเรียนจบ รับปริญญา ก็ถ่ายรูปคู่กันแค่ 2 รูป แล้วแยกย้ายไปถ่ายกะเพื่อนทั้งหมด
พอทำงาน ต่างฝ่ายบ้านมีกิจการเป็นของตัวเอง ช่วยงานพ่อแม่ คราวนี้มาเป็นครอบครัวทางบ้านสำคัญกันทั้งคู่ เราก็ห่วงงาน เค้าก็ห่วงงาน 2-3 เดือนเจอกันสักครั้งหนึ่งมั้ง โทรศัพท์ก็นานๆจะคุยกันสักที แต่ถ้าเจอกัน กินข้าวดูหนัง ตามใจเราเต็มที่ กินข้าวมีป้อน กินขนมมีแกะให้ ถึงขนาดที่ รู้ว่าเราชอบกินกุ้ง แต่ไม่สั่งเพราะไม่อยากมือเปื้อน เค้าก็สั่งมา ปิ้งให้ แกะให้ ก็ ok.ซึ้ง
เพื่อนก็ชอบบอกว่า สถานะเหมือนกิ๊กหรือเมียน้อยเลยว่ะ ไปเที่ยวไหนเป็นกลุ่ม เป็นไปไม่ได้เลยค่ะ เพราะทั้งเราแหละเค้า ไม่ชอบไปกะคนไม่คุ้นทั้งคู่ ขนาดเพื่อนเรียนมหาลัยมาด้วยกันนัดเจอ(กลุ่มเรา) พอชวนก็จะพูดว่า ไม่เจอกันนานแล้วนิ ไปกันเหอะ เค้าไม่ไป แต่เพื่อนกลุ่มเค้า เราคุยทุกคน โทรคุยบ่อยกว่าตัวมันเองอีก (สรรพนามเริ่มเปลี่ยน)
เค้าชอบพูดว่า “เก่งนิ รู้นิสัยเราด้วย” เรารู้แค่ว่าถ้าถามแบบนี้ เค้าจะตอบแบบนี้ บางทีก็เลยไม่ชวนไปไหน ขนาดจะไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยกัน แพลนมาจะปีนึงแหละ ยังไม่ลงตัว ตรงที่เค้าบอกว่า ญี่ปุ่นต้องไปหน้าหนาว อยากไปเจออากาศหนาวๆติดลบ (คิดในใจ บ้านเค้าอากาศก็เย็นพออยู่แหละ กระแดะจะไปหน้าหนาว ==*) เราก็พอรู้คำตอบแหละ ว่าเค้าต้องให้เหตุผลยังงี้ เหตุผลที่ไม่ค่อยเหมือนชาวบ้าน แต่เราแบบ ต้องไปตอนฤดูร้อน /ใบไม้ผลิสิ สวยกว่า ดอกไม้บาน จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้ไป
ทุกวันนี้ ก็ไม่กล้าถามเหมือนกัน ว่าตอนนี้เราอยู่สถานะไหน เพราะใครถามเค้า เค้าก็ตอบว่าเพื่อน แต่การกระทำแกมันไม่ใช่อ่ะ
ประสบการณ์จากสมาชิก pantip ชื่อ : กุ๊กกลาง
เคยได้ยินรุ่นน้องมาปรึกษาปัญหาแบบนี้เหมือนกันค่ะ แต่เป็นฝั่งผู้ชายนะคะ เขาคบอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง เลิกงานก็ไปทานข้าวกัน วันหยุดก็นัดกันไปเที่ยว ดูหนัง อะไรบ้าง แต่เขามาปรึกษาว่า ผู้หญิงเริ่มรบเร้า คาดคั้น และอยากจะแต่งงาน แต่เขายังไม่อยากแต่ง เพราะเขายังอยากใช้ชีวิตโสด อิสระ ไม่อยากผูกมัดตัวเองกับใคร แต่เขาก็ไม่ได้คบคนอื่นเผื่อเลือก คบแค่คนนี้คนเดียว เพียงแต่รู้สึกว่ายังไม่ถึงเวลา
เราให้คำปรึกษาเขาอย่างนี้ค่ะ…
นั่นแปลว่า เธอรักเขาไม่มากพอ ไม่พอที่คิดจะใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วย เธออาจจะชอบเขาบ้าง และเห็นแก่ความที่เขามีใจให้เธอบ้างหรือไม่อยากตัดรอนความรู้สึกดีๆที่เขามีให้ แต่เธอก็ไม่ได้รักเขามากพอที่ทำให้อยากจะอยู่กับเขา ฉะนั้น ถ้าไม่คิดจะแต่งงานก็อย่าเหนี่ยวรั้งเขาให้มาเสียเวลากับเธอเลย มันเป็นการตัดโอกาสเขาเปล่าๆ ลองไปคิดดีๆ ลองนึกภาพว่า ถ้าจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ ชีวิตข้างหน้า ตัวเธอจะเป็นอย่างไร มีความสุขหรือไม่
สุดท้าย น้องเขาก็เลิกกับผู้หญิงคนนี้ค่ะ อีกไม่กี่ปีต่อมา น้องเขาก็พบกับผู้หญิงอีกคน แล้วก็แต่งงาน มีความสุขดี
เห็นด้วยกับหลายๆท่านว่า ถ้าผู้ชายเขายังรักเราไม่มากพอ เขาอาจจะคบเราแค่แก้เหงา เอาไว้เป็นเพื่อนไปไหนมาไหน เอาไว้คุยด้วยเพื่อไม่ให้ต้องอยู่คนเดียว ฟังดูเหมือนเห็นแก่ตัวแต่จริงค่ะ ถ้าเขารักผู้หญิงคนไหนมากๆ เขาจะพยายามเหนี่ยวรั้ง ผูกมัดผู้หญิงคนนั้น และอยากแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น ถ้ายังคบแบบเรื่อยๆ ใครถามก็บอกเพื่อนเนี่ย เตรียมตัวชิ่งได้เลยค่ะ
เอาเป็นว่า ใครอยู่ฝั่งที่ทำให้คนอื่นเค้ารู้สึกคลุมเครือ หรืออยู่ฝั่งที่รู้สึกคลุมเครือ ก็หาวิธีจัดการกับความรู้สึกของตัวเองกันให้ดีๆ ละกัน เรื่องของความรักยังไงก็ถามใจตัวเองดูดี ๆ แล้วอย่าไปทำให้คนอื่นเค้าอึดอัดหละ บาปอยู่นะ
บทความที่เกี่ยวข้อง
5 วิธี จัดการความรัก สำหรับคนที่มีแฟนทำงานหนักมาก จนไม่มีเวลาให้
ที่มาและการอ้างอิง