หากคุณเป็นหนึ่งที่มีปัญหากลิ่นปากเหม็น (แทบจะ) ตลอดเวลา หรือมีกลิ่นปากมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะพยายามรักษายังไงก็ไม่หาย ทั้งหมอฟัน คลินิคกลิ่นปาก หรือถึงขนาดส่องกล้องไปยังกระเพาะอาหารก็เคยทำมาแล้ว แต่กลิ่นปากก็หายไปเพียงแค่ชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น อีกสักพักก็กลับมาเหมือนเดิมอีก ช่างเป็นปัญหาส่วนตัว และปัญหาสังคมที่หนักใจมากจริง ๆ
ยังมีอีกหลาย ๆ คำแนะนำที่คนมีกลิ่นปากเหม็น อาจจะเคยได้ผ่านการวิธีการต่าง ๆ เหล่านี้มาบ้าง เช่น
- มีคนแนะนำให้ลองซื้อน้ำยาบ้วนปากจากต่างประเทศ ซึ่งก็ราคาแพงพอควร เซตละ 3-4 พันบาท ซึ่งนอกจากไม่หายเหม็นแล้ว ก็กลับมีกลิ่นแปลกๆที่มาจากน้ำยาบ้วนปากเพิ่มมาอีก
- บ้างก็บอกว่าอาจจะมาจากต่อมทอนซิน
- บางคนบอกว่ามีคลีนิคกลิ่นปาก ก็ไปตรวจระดับกลิ่นปากด้วยเครื่องตรวจ และคุณหมอก็จะสอนการแปรงฟันที่ถูกวิธี ค่าใช้จ่ายหลัก 4-5 พันบาท ผลออกมาว่า ไม่มีปัญหาที่ช่องปาก แต่อาจมาจากช่องทางอื่น เช่น กระเพาะอาหาร ก็จะได้กินยารักษากระเพาะ+ยาฆ่าเชื้อ ก็ช่วยได้บ้าง จนคิดว่า กลิ่นปากเรามันมาจากกระเพาะ แต่พอหยุดยาก็กลับมาเหม็นอีก
- บางคนก็อาจจะมีปัญหาในเรื่องของการรักษารากฟัน การถอนฟัน การอุดฟัน ซึ่งพอรักษาเรื่องฟันหาย กลิ่นปากเหม็นก็ยังไม่หายอยู่ดี
ทีนี้เราอาจจะลืมเรื่องใกล้ตัวเราไปก็ได้ ซึ่งนั้นก็คือ “เศษอาหารในซอกเหงือก” มันมาจากเศษอาหารเล็กๆ ที่เข้าไปสะสมจนเป็นน้ำเมือกในซอกฟัน อยู่ในร่องเหงือกนั่นเอง ซึ่งเราจัดการกับมันได้ไม่ยาก แต่ต้องอาศัยการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ พิถีพิถันกับมันให้มากขึ้น 9 ขั้นตอนนี้ จะทำให้กลิ่นปากเหม็นของคุณหายไปตลอดกาล ไม่เป็นปัญหาสังคมอีกต่อไป
9 ขั้นตอนแก้ปัญหาปากเหม็นถาวร ง่ายนิดเดียว
1.ลด ละ เลิก การซื้อยาทุกชนิดที่บอกว่าใช้แล้วหมดกลิ่นปาก หรือกินแล้วจะไม่มีกลิ่นปากอีกต่อไป เพราะมันไม่ใช่มาตั้งแต่ต้น
2.เลือกใช้แปรงสีฟันที่ดีที่สุด ในการที่ขนแปรงจะเข้าไปซอกซอนในร่องเหงือกของเราได้มากที่สุด ยิ่งหมุนได้ 360 องศายิ่งดี ที่สำคัญขนแปรงต้องนิ่มมาก ๆ ด้วยนะ และไม่จำเป็นต้องใช้แปรงไฟฟ้า เอาแบบธรรมดาก็เพียงพอ
3.น้ำยาบ้วนปาก หากยังกังวล ก็เอาไว้ใช้ระหว่างวันได้ แต่จริง ๆ ก็ไม่ต้องใช้แล้วก็ได้
4.ซื้อ Dental Floss (ไหมขัดฟัน) มาตุนไว้เยอะๆ เพราะเราต้องใช้มันทั้งวัน รวมถึงแปรงขูดลิ้นด้วย
5.หลังทานอาหารเสร็จ ให้บ้วนปากก่อน และรอเวลาประมาณ 30 นาทีหลังอาหารค่อยแปรงฟัน เนื่องจากกรดจากอาหารที่อยู่ในปาก จะยิ่งทำปฏิกริยากับเคลือบฟัน
6.หลังรับประทานอาหารประมาณ 30 นาทีแล้ว ก็เริ่มแปรงฟันได้เลย โดยคุณจะใช้ Dental Floss ก่อนแปรง หรือ หลังแปรงก็ได้ แต่หากคุณใช้ไหมขัดฟันก่อนแปรงแล้ว หลังแปรงเสร็จคุณก็ต้องใช้อีกครั้งอยู่ดี เพราะมันยังมีเศษอาหารติดอยู่ในหลืบซอกเหงือก
7.บ้วนปากด้วยน้ำสะอาด ก็ใช้ Dental Floss อีกรอบ แล้วเอาขึ้นมาดมด้วยนะ (เรื่องจริง) ถ้าดมแล้วยังมีกลิ่นเหม็น ก็เปลี่ยนไหมขัดฟันใหม่ได้เลย ขัดไหมไปทุกซี่ จากนั้นก็ให้ขูดลิ้นด้วย ขูดไปสัก 10 ครั้ง
8.เรียบร้อยแล้วก็ล้างแปรงสีฟันกับที่ขูดลิ้นให้สะอาด อย่าให้มีเศษอาหารหรือเศษยาสีฟันหลงเหลือติดค้างที่แปรงสีฟัน เพราะนั่นเป็นการน้ำเชื้อโรคเข้าสูงในปากของเรา ก็จะเป็นส่วนหนึ่งของปัญหากลิ่นปากเหม็นได้อีก
9.ให้หาสายยางหรือแหล่งน้ำที่สามารถฉีดแรง ๆ ได้ จ่อเข้าไปในปากของเรา ให้แรงดันน้ำมันฉีดไปที่ซอกฟันให้ทั่ว ทั้งฟันหน้า ฟันใน ฟันข้างกระพุ้งแก้ม และโดยรอบ ฉีดนานประมากณ 1 นาที โดยไม่ต้องบ้วนน้ำยาบ้วนปากอีก
เพียง 9 ขั้นตอนนี้ แบคทีเรียในซอกเหงือ ที่ก่อให้ปากเรามีกลิ่นเหม็น มันจะหลุดออกมาพร้อมแรงดันน้ำ ปากคุณจะไม่เหม็นอีกต่อไป วิธีการข้างต้นจะส่งผลทำให้ตอนตื่นนอนก็จะไม่มีกลิ่นปากอีกด้วย ลองเอาวิธีนี้ไปใช้ดู เพราะมันจะทำให้คุณไม่ต้องกังวลเวลาเข้าสังคมกับคนอื่น เพราะพะวงเรื่องปากที่เหม็นอีกต่อไป
เรื่องที่เกี่ยวข้อง (คลิก!!)
- แก้ไข กลิ่นตัว กลิ่นปาก ด้วยการล้างพิษในร่างกายให้เลือดสะอาดอยู่เสมอ
- กินอยู่อย่างไร ให้ห่างไกลจากโรคแผลร้อนใน
- มาทำความเข้าใจปัญหา เหงือกร่นจนฟันสึกเป็นร่อง อุดได้หรือไม่
- อ่านก่อนไปฟอกสีฟัน อยากฟันขาวแล้วฟอกสีฟัน ฟันจะขาวขึ้นแค่ประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี เท่านั้น