เมื่อบ้านเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง การปูพื้นก็เป็นส่วนสำคัญที่จะมองข้ามไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะหากทำไปแล้ว เกิดปัญหาขึ้นมาทีหลัง แน่นอนว่าคงต้องรื้อข้าวของในบ้านกันยกใหญ่ ทางที่ดีควรมีการศึกษาวัสดุอุปกรณ์ที่จะปูพื้นไว้ก่อนล่วงหน้า แล้วจึงเขียนแบบลงไป ที่สำคัญอย่าพยายามปรับเปลี่ยนแบบ เพราะอาจจะทำให้เกิดปัญหาการปูพื้นกระเบื้องหรือพื้นบ้านได้
6 ข้อต้องรู้ ก่อนตัดสินใจปูพื้นบ้าน
1.คุณมีปัญหากระเบื้องระเบิดที่บ้านบ้างหรือเปล่า ?
เมื่อประมาณ 10-15 ปีที่แล้ว ใครที่อยู่ในวงการก่อสร้าง หรือเจ้าของบ้านที่เพิ่งปูกระเบื้องพื้นไป อาจจะเจอปัญหาว่ากระเบื้อง (ส่วนใหญ่ที่พื้น) จะปูดหรือ ระเบิดขึ้นมา มีทั้งระเบิดใหญ่ทั้งพื้น หรือระเบิดเป็นจุด ๆ ที่แผ่นกระเบื้อง ในปัจจุบันปัญหานี้ก็ยังมีอยู่ แม้จะลดน้อยลงไปมากแล้ว สาเหตุของกระเบื้องระเบิดนี้มีหลายสาเหตุ ซึ่งน่าจะมาจาก
- ใต้พื้นดินแฉะ ระบบพื้นกันความชื้นไม่อยู่ ความชื้นทําให้กระเบื้องพองตัว คันกันจึงปูดขึ้นมา
- ปูกระเบื้องไม่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งปูนยาแนว น้ำจากด้านบนซึมลงไปใต้กระเบื้องได้ เกิดเหตุแบบประการแรก (ดาดฟ้าเกิดมากเพราะมีอุณหภูมิเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย)
- พื้นหรือใต้พื้นหรือปูน ปูกระเบื้องผสมผิดส่วน มีความเป็นกรดเป็นด่างสูงมาก ทําลายพื้น-ปูนฉาบ-กระเบื้อง (แบบนี้ไม่ค่อยระเบิดแต่จะล่อน)
- กระเบื้องคุณภาพไม่ดีเอามาก ๆ
2.เลือกวัสดุปูพื้นอะไรดี ?
วัสดุปูพื้นบ้านเราอาจแยกใหญ่ ๆ ได้เป็น 5-6 ประเภท วัสดุเหล่านี้แต่ละอย่าง จะมีจุดเด่น จุดด้อยต่างกัน เละมักเป็นปัญหาไม่จบสิ้นสําหรับท่านเจ้าของบ้าน ว่าจะเลือกอะไรดี
- พื้นไม้จริง เป็นของธรรมดาพื้นบ้านมานมนาน แต่ปัจจุบันกลายเป็นความใฝ่ฝันที่หลายคนอยากมี การวางพื้นไม้บนตงและคานก็จะทําหน้าที่เป็นโครงสร้างไปด้วย แต่ส่วนใหญ่ตอนนี้มักจะปูบนพื้นคอนกรีตอีกที ซึ่งต้องระมัดระวังวิธีในการปูพื้นให้ถูกต้อง ต้องมีการวางระแนงไม้ ฝังในคอนกรีตและสูงกว่าผิวคอนกรีตประมาณ 2 ซม. เพื่อความยืดหยุ่น และไม่โก่งงอจากการอัดเข้าลิ้นภายหลัง ราคาพื้นไม้นี้จะแพง แต่ให้ความรู้สึกดีมาก
- พื้นปาเก้ คือชิ้นไม้เล็ก ๆ ที่ปูบนพื้นคอนกรีต มีทั้งแบบเข้าลิ้นรอบ และไม่เข้าลิ้น ราคาจะถูกกว่าพื้นไม้ธรรมดา สิ่งที่ต้องระวังในก็คือ คอนกรีตจะต้องแห้งสนิท พร้อมทํากันซึมไว้ด้วย กาวจะต้องดี ปูปาเก้แล้วต้องทิ้งไว้นาน ๆ เพื่อให้กาวแห้งก่อนขัดพื้น และต้องไม่อัดแผ่นปาเก้แน่นเกินไป ไม่เช่นนั้นอาจโก่งงอระเบิดได้
- กระเบื้องเคลือบ ราคาจะมีตั้งแต่ตารางเมตรละ 200 บาทจนถึง 5,000 บาทแล้วแต่ชนิดของกระเบื้อง ใช้ปูบนพื้นคอนกรีตที่ไม่จําเป็นต้องแห้งสนิท แต่ต้องกันซึมไว้เรียบร้อย การปูกระเบื้องเล่นลายเป็นสิ่งที่ต้อง ระวังมาก เพราะกระเบื้องแต่ละแผ่น แต่ละยี่ห้อจะมีขนาด-ความหนาไม่เท่ากัน ทําให้น่าเกลียดกว่าที่ออกแบบไว้มาก ปัญหาของการปูกระเบื้องก็คือ กระเบื้องมักขาดตลาด (ในลายที่ต้องการ) และหากเสียหาย แตกหักภายหลัง จะหาอะไหล่มาทดแทนไม่ได้ (ควรเก็บสต็อคกระเบื้องที่ใช้ไว้บ้าง)
- หินอ่อน หรือแกรนิต เป็นของที่นิยมใช้กันมากขึ้น เพราะราคาเริ่มใกล้เคียงกับวัสดุปูพื้นอย่างอื่น สิ่งที่ต้องระวังก็คือการเตรียมพื้นผิว จะต้องเผื่อระดับปูนทรายไว้ให้หนา (ประมาณ 2-3 ซม.) ไม่เช่นนั้นพื้นหินอ่อน จะปรับระดับไม่ได้ และต้องคิดไว้เสมอว่า หินอ่อนเป็นของธรรมชาติ ซึ่งคุณจะเลือกลายดังใจนึกไม่ได้ และอย่าปูหินอ่อนตากแดด ไม่เช่นนั้นอาจเป็นฝ้าได้
- พื้นพรม เป็นวัสดุที่สวย นุ่มนวล ไม่แพงนัก หรูหรา ติดตั้งง่าย แต่บํารุงรักษายาก และมีอายุการใช้งานสั้น หากต้องการเปลี่ยนบรรยากาศบ่อย ๆ หรือเร่งงานก่อสร้าง พรมเป็นวัสดุที่น่าใช้ทีเดียว
- กระเบื้องยาง เป็นสิ่งสังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ มีทั้งเป็นแผ่นเล็ก ๆและเป็นผืนใหญ่ ทนทานดี เมื่อเทียบกับราคา บํารุงรักษาไม่ยากนัก แต่ให้ความรู้สึกที่เป็นสํานักงานมากไปหน่อย ปรับเปลี่ยนง่าย แต่ต้องระวังให้ดีว่า พื้นผิวที่เตรียมไว้ปูกระเบื้องยาง จะต้องเรียบดีเป็นระดับ ต้องแห้งและกันซึม ไม่เช่นนั้นเมื่อใช้งานแล้วจะเป็นหลุม หรือหลุดร่อน
3.ปาเก้บ้านคุณขัดแล้วดูเป็นลอนน่าเกลียดหรือเปล่า ?
หากปาเก้ที่บ้านคุณดูเป็นลอนน่าเกลียด แม้ว่าคุณสั่งให้ช่างขัดปาเก้ขัดให้ แล้วตั้ง 2-3 ครั้ง (และช่างก็พยายามอย่างที่สุดแล้ว) เราขอแนะนําว่า คุณไม่น่าจะไปขัดมันอีกเพราะสภาพไม้และฝีมือช่างในปัจจุบันเปลี่ยนไปแล้ว อาจต้องมาแก้ที่ปลายเหตุว่าสีที่คุณทาพื้นนั้นเป็น “มันวาว” หรือเปล่า หากใช้แลคเกอร์หรือโพลียูริเทนมันทาพื้น ก็ขอให้เปลี่ยนเป็นวานิชหรือ ยูริเทนชนิดด้าน (ไม่เงา) แทน จะเป็นการลดแสงสะท้อนลง ทําให้พื้น ของคุณดูเรียบไม่เป็นลอนได้
4.อย่าเตรียมพื้นผิวสําหรับปูหินอ่อนเท่ากับปาเก้
แม้หินอ่อนและปาเก้จะมีความหนาใกล้เคียงกัน (ประมาณ 1″) แต่การเตรียมพื้นผิวสําหรับหินอ่อนจะเตรียมไว้หนาประมาณ 5-7 ซม. (แปรตามขนาดใหญ่เล็กของห้อง) ในขณะที่ปาเก้จะเตรียมไว้แค่ 3 ซม. เท่านั้นเอง เพราะปาเก้ต้องการระดับปูนทรายใต้แผ่นน้อย หากระดับผิดพลาด ก็พออาศัยการขัดหน้าช่วยได้ แต่หินอ่อนต้องการระดับปูนทรายใต้หินอ่อนมาก (ประมาณ 5-7 ซม. เพื่อให้หินอ่อนมีระยะปรับระนาบผิวให้เท่ากัน) หากระนาบหลังปูไม่เท่ากัน โอกาสจะปรับหรือขัดผิวทําแทบไม่ได้เลย
5.ระวังการปูวัสดุปูพื้นแตกต่างกัน มาชนกันแล้วจบกันไม่ลง
วัสดุปูพื้นที่ไม่เหมือนกันจะมีความหนาต่างกัน มีขนาดต่างกัน การยืดหด ต่างกัน เวลาเอามาชนกัน โดยไม่มีผนังกั้น (เช่น ปาเก้กับหินอ่อน หรือ หินอ่อนกับพรม หรือ พรมกับกระเบื้อง) จะเกิดความไม่เรียบร้อยขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมาชนกันตามแนวโค้งที่ต้องมีการตัดเศษ หรือปัดเศษของวัสดุ ขอให้เตรียมการแก้ไขดังนี้
- จัดเตรียมพื้นผิวก่อน ตามความหนาของวัสดุแต่ละชนิด เช่น หากปูปาเก้ชนหินอ่อน อาจต้องเตรียมพื้นส่วนที่ปูปาเก้ไว้ให้สูงกว่าหินอ่อนประมาณ 3 ซม. เมื่อวัสดุทั้งสองมาชนกันแล้วจะได้ระนาบเดียวกัน เป็นต้น
- มีวัสดุอย่างอื่นเป็นตัวปรับระดับคั่นกลาง ซึ่งส่วนใหญ่มักจะใช้แผ่นไม้เพื่อให้วัสดุทั้งสองชนิดวิ่งเข้ามาชน และจบได้ และใช้เป็นตัวปรับระดับได้บ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ
- ทางที่ดีพยายามหลีกเลี่ยงจะดีที่สุด
6.หินอ่อนเป็นฝ้าเป็นฟาง แก้ไขยังไงดี ?
หากหินอ่อนเป็นฝ้าไม่ต้องเสียเวลาเช็ดถู ไปจ้างช่างหินอ่อนให้มาขัดหน้าใหม่เลย และเมื่อขัดเสร็จแล้ว ก็ระวังหน่อยว่าไม่ให้ฝุ่นไปเกาะ หรือเดินด้วยรองเท้าที่มีฝุ่นมาก ไม่ให้โดนแสงแดดโดยตรงมากเกินไป เพราะไม่อย่างนั้น เจ้าหินอ่อนมันก็จะเป็นฝ้าเป็นฟางใหม่อย่างแน่นอน
Source : ร้อยพันปัญหาในงานก่อสร้าง โดย : สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์