1.บ้านตั้งอยู่ในพื้นที่ ที่มีลมแรงพัดผ่านอยู่เสมอ
ในทางฮวงจุ้ย การมีลมหมุนเวียนแบบพอดีอยู่เสมอ เป็นเรื่องหลักที่ควรมีกับทุกบ้าน แต่หากกระแสลมมีมากเกินไป เช่น มีลมพัดแรงปะทะอยู่แทบตลอดเวลา ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีอีกเช่นกัน เพราะจะทำให้คนในบ้านได้รับแต่ความโชคร้าย กระแสลมที่พัดเข้ามา จะทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกอึดอัดไม่สบาย รวมถึงโชคลาภก็จะถูกพัดพาออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เก็บทรัพย์สินไม่อยู่ รวมถึงมีผลต่อความเสียหายของทรัพย์สินในบ้านด้วย
วิธีแก้เคล็ดฮวงจุ้ย
ทิศทางที่มีกระแสมเข้ามาปะทะอยู่เสมอ ให้ทำการปิดหน้าต่างประตูเอาไว้เป็นระยะ จะช่วยบรรเทาเรื่องร้าย ๆ ลงได้บ้าง แต่หากจะให้ดีตั้งแต่แรกเริ่ม ควรเช็คทิศทางลมก่อนสร้างบ้านหรือซื้อบ้าน สัมผัสกระแสลมก่อนว่าแลดูรุนแรง มีการพัดพากลิ่นไม่ดีต่าง ๆ มาด้วยหรือไม่ หรืออ่อนโยนให้ความสบายต่อความรู้สึกมากกว่ากัน
เรามักได้ยินได้ฟังกันว่า เป็นทำเลอัปมงคล เพราะถูกพูดถึงอยู่บ่อย ๆ ว่าเป็นจุดผีผ่าน เพราะรวมพลังงานทั้งดีและไม่ดีไว้ด้วยกัน และเชื่อกันว่าบ้านที่ตั้งอยู่บริเวณนี้จะทำมาค้าขายไม่ขึ้น ด้วยความที่มีลักษณะเป็นจุดที่ต้องรับพลังงานมากเป็นพิเศษ ทำให้กระแสลมพุ่งเข้าหาโดยตรง อาจได้รับอันตรายได้ โดยเฉพาะเป็นทางถนนที่มีรถวิ่งผ่าน ก็ยิ่งทำให้เกิดมลภาวะต่าง ๆ ได้มาก รวมถึงหากเป็นช่วงเวลาที่มีพลังงานที่ไม่ดีก็อาจทำให้เกิดเรื่องร้าย ๆ ขึ้นได้
วิธีแก้เคล็ดฮวงจุ้ย
ทางสามแพร่งจะมีช่วงเวลาที่มีพลังงานดีอยู่ด้วยเช่นกัน หมายความว่า มีทั้งดีและร้ายสลับกันไป หากในช่วงเวลาที่เป็นพลังงานดี ก็จะทำให้มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก เพราะอยู่ในจุดที่มีพลังงานที่ดีปะทะอย่างแรง แต่หากหมุนเวียนในอยู่ในช่วงกระแสลมที่ไม่ดี ก็สามารถนำกังหันลม กระจกแปดเหลี่ยม หัวเสือคาบดาบ ลูกคริสตอลหรือปลูกต้นไม้ริมรั้วไว้เพื่อแก้ไข ส่วนด้านในรั้วบ้าน ก็จัดให้เป็นอ่างน้ำพุขนาดเล็กหรืออ่างบัว มาวางในจุดที่เป็นกระแสพุ่งเข้าหาตัวบ้าน ก็จะทำให้เบี่ยงเบนพลังงานที่ไม่ดีออกไปได้
3.บ้านตั้งอยู่บริเวณทางโค้ง
บ้านที่อยู่บริเวณทางโค้งพอดี จะเข้ากับหลักการของความไม่ปลอดภัย เพราะเป็นพื้นที่มีรถวิ่งผ่านอยู่ประจำ บ้านตรงหัวโค้ง หากผู้ขับขี่ไม่ระมัดระวังก็อาจจะทำให้พุ่งชนได้ หากจะเปรียบเทียบกับถนนทั่วไป อุบัติเหตุก็มักจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งที่บริเวณโค้ง การเข้า-ออกบ้านจะทำค่อนข้างลำบาก เพราะต้องคอยระวังรถที่วิ่งไปมาอย่างมาก ทำให้มีความรู้สึกหวาดระแวง มีความไม่สบายใจเกิดขึ้น ในการอยู่อาศัย แต่หากจะทำการค้าถือได้ว่าเป็นจุดเด่นที่ดีมาก เพราะเป็นทางผ่านที่คนเห็นชัด
วิธีแก้เคล็ดฮวงจุ้ย
ให้นำเสือคาบดาบกับกระจกแปดเหลี่ยมมาติดไว้ หากสะดวกให้ไปขอบูชาที่ศาลเจ้าพ่อเสือเลยก็ได้ เพราะหากมีพิธีเบิกเนตรแล้วจะดีมาก และให้ปลูกต้นไม้บังหน้าบ้าน จะช่วยป้องกันแสงไฟหรือแสงแดด รวมถึงจะช่วยแก้เรื่องฮวงจุ้ยไปด้วย ส่วนพลังชี่ที่เข้ามาก็จะไม่แรงมาก ในกรณีที่ไม่ใช่ถนนใหญ่ อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดความรุนแรงของพลังลงได้คือ ให้จัดสวนหย่อมเล็ก ๆ ภายในรั้วบ้านเพื่อเป็นการสร้างความร่มเย็น จะช่วยแก้เคล็ดฮวงจุ้ยได้เช่นกัน
4.บ้านถูกขนาบด้วยบ้านร้าง
หากบ้านของเราสองข้างเป็นบ้านร้าง ก็อาจจะทำให้เกิดความหลอนในเรื่องของสิ่งลี้ลับได้ เพราะลักษณะของบ้านจะมืดอยู่ตลอดเวลา ภาพหลอนต่าง ๆ ก็อาจเกิดขึ้นในมโนสำนึก อีกทั้งความมืดก็หมายถึงความไม่เคลื่อนไหว ทำให้กลายเป็นพลังงานที่ไม่ดี แต่ต้องบอกก่อนว่าบ้านที่เรียกว่าร้าง จะต้องไม่มีผู้อยู่อาศัยอย่างน้อย 3 ปี แต่หากยังมีคนไป ๆ มา ๆ ในบ้านบ้างเป็นครั้งคราว ก็ยังไม่ถือว่าเป็นบ้านร้าง อีกจุดที่ควรเน้นคือ “ประตูตรงกัน” หรือไม่ หากไม่ตรงกันก็ไม่เป็นไร แต่หากตรงกันก็ต้องแก้ไขไปตามเคล็ดฮวงจุ้ยเพื่อความสบายใจ
วิธีแก้เคล็ดฮวงจุ้ย
ในกรณีที่ประตูตรงกันกับบ้านร้าง หรือแม้แต่บ้านที่นาน ๆ จะมีคนมาเปิดบ้านทีหนึ่ง หากไม่สบายใจก็เอาน้ำเต้าลูกใหญ่มาแขวนหน้าบ้านติดก่อนบ่าย 3 โมง ให้ปากน้ำเต้าชี้ไปด้านหน้า และให้ติดกระจกหัวสิงห์ด้วย กระจกให้ติดตอนกลางคืน ห้ามให้กระจกส่องหน้า ติดเหนือประตูบ้าน หรือจะตั้งสิงห์คู่หน้าบ้านก็ได้ เพื่อความสบายใจ หรือให้แขวนกระดิ่งทั้งสองฝั่ง เพื่อให้มีความเคลื่อนไหวคือเสียงของกระดิ่ง เพื่อเป็นการลบพลังเย็น
5.มุมแหลมของหลังคาข้างบ้าน พุ่งเข้าหาตัวบ้านเรา
ว่ากันว่ามุมแหลมของข้างบ้านที่พุ่งมาหาบ้านเรา โดยเฉพาะห้องนอนจะทำให้เรารู้สึกไม่ดี อึดอัด อาจรู้สึกเหมือนโดนสิ่งแหลมคมทิ่มแทงตลอดเวลา ในทางฮวงจุ้ยจะหมายถึงลักษณะของศรพิฆาต และพลังของความมุ่งร้ายต่างๆ จะพุ่งเข้ามาที่บ้าน หากมองในทางธรรมชาติ ก็คือ ในช่วงที่ฝนตก ก็จะทำให้น้ำกระเด็นมาที่ตัวบ้านเราได้ หากใกล้กับห้องนอนมาก น้ำฝนจะสาดเข้ามา หากมากเข้าก็อาจเกิดน้ำขัง น้ำซึม จนเกิดความเสียหายต่อบ้านของเรา
ให้ติดกระจกนูน เพราะคุณสมบัติของกระจกนูนนั้นคือ จะทำให้ภาพที่ปรากฏบนกระจกขยายออกด้านข้างทั้ง 2 ข้าง ในจุดที่หลังคาพุ่งตรงมา แต่หากจุดนั้นทิศร้ายจะมีผลร้ายทวีคูณ (ต้องระมัดระวัง) สามารถใช้กระจกเว้าแทนได้ เพราะคุณสมบัติของกระจกเว้าคือ ทำให้ภาพที่ตกกระทบดูเล็กลงเหมือนถูกดูดเข้าไป และต้องแจ้งไปที่ข้างบ้าน ให้เค้าช่วยทำรางรับน้ำฝนเพิ่มที่ขอบหลังคา โดยให้ขอบรางน้ำสูงกว่าปกติ เพราะในช่วงที่ฝนตกหนัก จะมีปริมาณน้ำมากทำให้การปะทะค่อนข้างแรง น้ำอาจวิ่งเลยผ่านออกจากรางได้
6.บริเวณหน้าบ้านเป็นแหล่งรวมเรื่องทุกข์ร้อน
ในที่นี้หมายถึง โรงพัก ศาลเจ้า โรงพยาบาล สถานีดับเพลิง เป็นต้น ซึ่งเป็นแหล่งรวมเรื่องทุกข์ร้อนใจของคนทั่วไป ซึ่งจะส่งผลให้คนในบ้านมีความเดือนเนื้อร้อนใจไปด้วย เพราะว่าเป็นจุดที่คนจะเดินทางเข้าออกแทบจะตลอดเวลา หากหน้าบ้านเราไม่ได้ทำการค้าใด ๆ ก็คงจะต้องวุ่นวายไปด้วยเช่นกัน
วิธีแก้เคล็ดฮวงจุ้ย
ให้ปลูกต้นไม้ที่มีความสูงปานกลางเพื่อบังตา หรือทำรั้วให้สูงขึ้นมามากกว่าปกติ เพื่อไม่ให้คนนอกบ้านมองเข้ามาเห็นในบ้านได้อย่างสะดวก อาจมีการตั้งน้ำพุเล็ก ๆ เพื่อเป็นการรับกระแสเย็นให้เข้าตัวบ้านได้อีกทาง การทำเช่นนี้จะทำให้กระแสที่ดีพัดเข้ามาสู่ตัวบ้านแทน ส่วนผลกระทบจะมากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับว่าบ้านของเราอยู่ใกล้ ณ จุดดังกล่าวมากแค่ไหนด้วย
7.บ้านตั้งตรงปากทางน้ำพอดี
หากบ้านตั้งอยู่ริมแม่น้ำบริเวณปากน้ำพอดี ข้อดีคือจะทำให้ได้บรรยากาศพักผ่อนเชิงธรรมชาติ แต่จุดปากทางน้ำจะเป็นด่านแรกที่น้ำจะเซาะกัดและน้ำท่วม มีโอกาสทำให้พื้นที่ค่อย ๆ หายไปในทุกปี ในทางฮวงจุ้ยจะถือว่าเป็นจุดเงินทอง ชื่อเสียง เกียรติยศ ก็จะถูกน้ำพัดพาไปด้วย ถือได้ว่าไม่เป็นมงคล
วิธีแก้เคล็ดฮวงจุ้ย
เนื่องจากต้องอิงหลักธรรมชาติ เพราะหากน้ำพัดมาแรงมากทำให้ดินสไลด์ สามารถที่จะป้องกันและแก้ไขได้เช่น การสร้างเขื่อนริมตลิ่งเพื่อป้องกันการกัดเซาะของน้ำที่ไหลหรือปลูกต้นไม้ใหญ่เพื่อยึดตลิ่งเอาไว้ก็ได้ ซึ่งในปัจจุบันนี้มีเทคโนโลยีหลากหลายเข้ามาช่วยป้องกันและแก้ไขในจุดดังกล่าวได้ โดยต้องเพิ่มความแน่นหนาเอาไว้ให้มาก ๆ หากสามารถผ่านพ้นฤดูน้ำหลากไปได้ จะจัดได้ว่าเป็นจุดที่มีทัศนียภาพที่ดีมาก ๆ จุดหนึ่ง ซึ่งสมัยก่อนการสัญจรไปมาก็มักจะเดินทางทางน้ำอยู่แล้ว จึงจัดให้เป็นจุดที่มีความสะดวกสบายในการสัญจร
8.มีเสาไฟฟ้าขวางตรงประตูหน้าบ้าน
หากเสาไฟฟ้าอยู่ตรงประตูหน้าบ้านพอดี ทางฮวงจุ้ยถือว่าไม่ดี เพราะเป็นพลังร้อน ยิ่งต้นใหญ่เท่าไหร่ก็ยิ่งไม่ดีเท่านั้น ส่วนระยะห่างที่ส่งผลร้ายมากที่สุดคือ ภายในระยะ 10 เมตร ในทางฮวงจุ้ยบอกว่าจะส่งผลให้คนในบ้านมีโอกาสเจ็บป่วย นั่นเป็นเพราะสนามแม่เหล็กที่ส่งออกมาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นหลักการทางธรรมชาติด้วยเช่นกัน
หากบ้านหันทิศใต้ ควรหาธาตุดินตั้งรับดูดซับพลังจากไฟ เช่น ทาสีผนังด้วย สีเหลือง ครีม ส้ม น้ำตาล เอิร์ธโทน จัดสวนหินธรรมชาติ เครื่องปั้นดินเผา หินอ่อน หินต่างๆที่ไม่ใช่หินภูเขาไฟ หรือตกแต่งด้วยรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส หรือให้ใช้กระจกเว้า ที่มีเส้นผ่า ศูนย์กลางประมาณ 15 นิ้วขึ้นไป แขวนที่เหนือประตู ส่องลงต่ำไปใส่พื้น บริเวณที่ตรงกับเสาไฟฟ้าและกระจก ควรถูกทำความสะอาดให้เงาวาวอยู่เสมอ เพื่อให้มีประสิทธิภาพให้การสะท้อนพลังงาน