ทหารไทยคนหนึ่ง ต้องมีหน้าที่ออกไปรบกับข้าศึกในสงคราม เขาเป็นคนกำพร้าพ่อ เหลือเพียงแม่ผู้ให้กำเนิดเท่านั้น ก่อนจะจากแม่ไปสู่สมรภูมิ จึงถามแม่ว่ามีวัตถุมงคลที่ศักดิ์สิทธิ์ของพ่อ เป็นสมบัติเก็บไว้ให้กล้าหาญ และเป็นเครื่องคุ้มครองป้องกันอันตรายในการต้องจากแม่จากบ้าน และจากประเทศชาติเพื่อไปปฏิบัติหน้าที่โดยต้องเสี่ยวกับอันตรายถึงชีวิตได้ในครั้งนี้
แม่ได้ฟังลูกถามก็ใจหาย เพราะมีความเป็นห่วงลูกและสงสาร โดยที่ไม่มีวัตถุที่ศักดิ์สิทธิ์ เช่น พระเครื่อง ตะกรุด หรือผ้ายันต์ เป็นต้น อันเป็นของเก่าแก่และขลังเลย ครั้นจะบอกลูกตามตรงก็กลัวว่าลูกจะเสียกำลังใจ จึงตอบลูกว่า
“มีของเก่าที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่อย่างหนึ่งลูกไปเมื่อไหร่แม่จะเตรียมมอบให้ ของนี้ลูกติดตัวไปแล้วแม่มั่นใจว่าจะช่วยคุ้มครองให้ลูกปลอดภัย และประสบชัยต่อศัตรูไม่รู้จักพ่ายแพ้”
ลูกชายได้ฟังก็ดีใจ จึงบอกวันที่กำหนดจะเดินทางให้แม่ทราบโดยยังมีเวลาเหลืออยู่อีก 2-3 วัน แล้วลาแม่ไปทำธุระอย่างอื่น เมื่อลูกออกจากบ้านแล้ว แม่ครุ่นคิดว่า จะได้สิ่งใดให้ลูกตามที่ลูกต้องการนำติดตัวไป เพื่อเป็นเครื่องคุ้มครองภัย โดยลูกปรารถนา จะได้จากตนและเอ่ยปากขอ เพราะไม่มีสิ่งของที่ศักดิ์สิทธิ์ เช่นนี้เลยในบ้าน และในที่สุดก็คิดได้จึงฉีกชายผ้านุ่งของแม่เองมาม้วนเรียวยาวขนาดพอดี แล้วเอาเชือกเล็กๆ รัดจนแน่นถักด้ายเป็นปลอกหุ้มทับไว้อีกจนหนาแน่นมองไม่เห็นว่าข้างในเป็นอะไร เพียงมองแต่ตาและเอามือคลำดูจะรู้สึกเหมือนว่าเป็นวัตถุมงคลชิ้นหนึ่ง จากนั้นจึงตั้งอธิฐานขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและคุณพระสยามเทวาธิวาชตลอดเทพยดาทุกองค์รวมกับความรักที่แม่มีต่อลูกอย่างแน่วแน่ จงเป็นเสมือนเกราะแก้วที่วิเศษช่วยคุ้มครองป้องกัน และพิทักษ์รักษาลูกซึ่งจะต้องไปปฏิบัติหน้าที่ของชายชาติทหาร ให้มีความปลอดภัย และประสบชัยชนะ อย่าได้มีอันตรายทั้งปวงทุกประการ แล้วแม่ก็เก็บสิ่งที่ทำไว้นั้นเป็นอย่างดี
ครั้นถึงวันที่ลูกจะเดินทางและเข้ามากราบเพื่อลาและขอพรจากแม่ แม่ให้พรด้วยถ้อยคำที่ดูดดื่ม เป็นที่ประทับใจอย่างยิ่งแล้ว มอบสิ่งที่ทำไว้แก่ลูกโดยบอกลูกว่า
“สิ่งที่แม่ให้ลูกนี้ แม่เชื่อมั่นว่ามีอานุภาพสูงสุด และศักดิ์สิทธิ์ แท้จริง ของลูกจงเก็บรักษาไว้กับตัวให้จงดี เพื่อเป็นเครื่องช่วยคุ้มครองลูกให้ปลอดภัยในที่ทุกสถานในกาลทุกเมื่อ และลูกจะประสบแต่ความชนะทุกครั้งไป โดยไม่รู้จักพ่ายแพ้ต่อศัตรูเลย”
ลูกชายกราบรับคำพรของแม่และรับของที่แม่มอบให้ขึ้นทูนศีรษะ เพราะเข้าใจว่าเป็นรูปพระเล็ก ๆ ที่เก่าแล้ว แม่จึงถักหุ้มแน่นหนากันหัก หรือคงเป็นตะกรุดที่พ่อเคยใช้ประจำตัว แล้วใส่กระเป๋าเสื้อลาแม่ออกจากบ้านไปด้วยความตั้งใจ โดยมีขวัญและกำลังใจดียิ่งต่อมามิช้านานเขาถูกผู้บังคับบัญชาคัดเลือกส่งไปปฏิบัติงานสงครามโดยต้องอยู่แนวหน้า ทำหน้าที่ต่อสู้รบกับฝ่ายข้าสึกซึ่งเขามีความภาคภูมิใจอย่างมาก
ทุกครั้งที่ชายผู้นี้ออกทำการรบ เขามีขวัญและกำลังใจดีเยี่ยม เพราะมีความมั่นใจว่าต้องปลอดภัย ต้องชนะ ด้วยเชื่อมั่นว่าเขามีของดีที่ขลังและศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับจากมือแม่ ประจำไว้อยู่กับตัวตลอดเวลา ฉะนั้นจึงเป็นผู้ที่กล้าหาญ ไม่ครั่นคร้ามต่อสัตรูและมีไหวพริบดี ตัดสินในได้ถูกต้อง เฉียบขาดแม้ต้องต่อสู้กับปัจจามิตรถึงขั้นเข้าสู้อย่างใกล้ชิดตัวกัน เขาก็สามารถมีชัยชนะอย่างงดงาม และเป็นที่น่าอัศจรรย์ด้วยแคล้วคลาดไม่ต้องอาวุธศัตรูในการรบเลย ทั้งๆ ที่เพื่อนร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมกับเขาแม้จะแขวนสร้อยห้อยคอด้วยพระเครื่องต่างๆ จำนวนมากองค์ ต้องบาดเจ็บและถึงแก่ความตายในการรบแต่ละครั้งๆ มิได้ว่างเว้น แต่เขากลับโชคดีกว่าผู้อื่นที่ไม่เคยประสบอันตรายเลย ไม่เคยเสียเลือดเลยทุกครั้งไป จนผู้บังคับบัญชาและเพื่อน ๆ ของเขา เชื่อและพูดกันเป็นเลื่องลือว่า “เขามีของดีที่ขลังและศักดิ์สิทธิ์ วิเศษกว่าผู้อื่น เป็นเครื่องคุ้มครองตัว จึงมีความปลอดภัยจนจิตใจเข้มแข็ง กล้าหาญ ผิดกว่าผู้อื่นทั้งหลาย”
ครั้นเมื่อสงครามอินโดจีนสงบแล้ว ชายผู้นั้นกลับเข้าประจำการ ณ หน่วยทหารที่ตนสังกัด ไปหาแม่ที่บ้าน กราบแม่และเล่าเรื่องราวที่คนทั้งหลายเลื่องลือให้แม่ฟัง แล้วสิ่งที่ตนมั่นใจว่าเป็นของขลัง อันศักดิ์สิทธิ์นั้นแก่แม่เพื่อเก็บไว้ จะได้มาขอติดตัวไปใช้ใหม่ในเมื่อโอกาสอันสมควร แม่ฟังลูกเล่าเรื่องทั้งปวงด้วยความระทึกใจอยากจะพูดอยากจะชี้แจงให้ลูกเข้าใจ ว่าของที่ลูกมั่นใจว่าขลังและศักดิ์สิทธิ์นั้น ที่แท้คือผ้านุ่งของแม่ และที่ลูกได้รอดพันอันตรายทั้งปวงทุกประการอย่างน่าอัศจรรย์นั้น
แท้จริงก็ด้วยเมตตาจิตของแม่เป็นเครื่องปกปักคุ้มครองอย่างสำคัญ เพราะแม่ได้หมั่นสวดมนต์และแผ่เมตตาอธิษฐานต่อพระรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยคุ้มครองป้องกันภัยทุกประการ อย่าให้เกิดแก่ลูกและขอให้ลูกมีความสุขในที่ทุกสถาน แม่ผูกใจถึงลูกอธิฐานเพื่อความปลอดภัย และแผ่เมตตาต่อลูกเพราะความรักอย่างแท้จริงแรงใจและแรงรักของแม่จึงเกินพลานุภาพอันอิ่งใหญ่ส่งผลแก่ลูกสมดังที่แม่มุ่งหวังทุกประการ แต่แม่ก็ไม่ได้พูดอธิบาย ให้ฟังเข้าใจโดยเขารู้ความจริงเรื่องนี้ ในอีกหลายปีต่อมา เมื่อแม่เขาเจ็บหนักใกล้จะสิ้นในตาย จึงกล่าวให้เขาทราบ แต่กระนั้นเขายังเก็บรักษาชายผ้านุ่งแม่ชิ้นนั้นไว้อีกตลอดไป
ชายผ้านุ่งของแม่แท้ ๆ รวมด้วยความเมตตาของแม่ที่มีต่อลูกที่รักแม่ยังกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธ์ที่น่าอัศจรรย์ได้ฉะนี้ ฯ
ที่มา : http://www.dhammathai.org/dhammastory/story31.php