ทุกคนต้องมีรายรับและรายจ่ายเป็นประจำทุกเดือน และคุณไม่มีทางรู้ธรรมชาติทางการเงินของคุณ จนกว่าคุณจะลงมือเขียนมันออกมา นั่นหละคุณถึงจะมองภาพนั้นออก จะว่าไปก็เหมือนกับการที่เราอยู่ที่สูงแล้วมองลงมา เราก็จะเห็นในส่วนของมุมกว้าง มุมลึกและองค์ประกอบอื่นๆได้ชัดเจนกว่า เมื่อคุณมองเห็นนิสัยธรรมชาติทางการเงินของคุณแล้ว มันก็จะทำให้คุณหาแนวทางประหยัดได้อย่างเหมาะสม การทำบัญชีเราต้องบันทึกทุกอย่างแบบละเอียดยิบไม่ใช่แค่รายได้เท่านั้น รายจ่ายเราก็ต้องบันทึกด้วยเช่นกัน ต้องจดให้หมดว่ารายได้มาจากไหน เมื่อไร ส่วนรายจ่ายเราจ่ายไปที่ไหนอย่างไร และเขียนความจำเป็นของการจ่ายด้วยยิ่งดี เพื่อที่เราจะได้เห็นภาพรวมว่า เราจ่ายเงินไปกับอะไรบ้าง บางทีมันก็เป็นค่าใช้จ่ายที่เกินความจำเป็น ซึ่งคุณอาจจะมีระบบการให้คะแนนสำหรับค่าใช้จ่าย จาก 1 ถึง 10 ก็ได้นะ มันอาจจะทำให้คุณจัดระเบียบในการใช้จ่ายได้มากขึ้น ครั้งที่มานั่งดูก็จะบอกตัวเองได้ว่าอะไรสำคัญมากน้อยกว่ากันอย่างไร
การทำบัญชีคุณต้องบันทึกรวมไปถึงการรับถอนเงินจากบัญชีต่างๆ ยอดบัตรเครดิตที่คุณใช้ไป รวมถึงการยืมเงินของคนอื่นมาด้วย ทุกอย่างที่ว่าด้วยการใช้จ่ายเงินและการรับเงิน คุณต้องทำตรงนี้ออกมาทั้งหมด และถ้าจะให้ดี ควรจดวันเวลาอย่างละเอียดด้วย เพื่อเราจะได้ใช้เป็นหลักฐาน เผื่อมีเหตุจำเป็นต้องตามเรื่องพวกนี้ ก็จะทำให้เราไม่พลาดในการยืนยันความผิดพลาดได้ คุณควรหาแฟ้มหรือกล่องเก็บมันไว้ ณ ที่หนึ่งเพื่อเป็นหลักฐาน หากเกิดความผิดพลาดบางอย่างขึ้น เช่นคุณอาจจะจ่ายค่าโทรศัพท์ไปแล้ว แต่กลับมีบิลแจ้งค่าโทรศัพท์มาหาคุณอีก คุณก็จะได้มีหลักฐานไปยืนยันว่าในเดือนนั้นๆ คุณได้จ่ายไปแล้วทางระบบน่าจะเกิดการผิดพลาดอย่างใดอย่างหนึ่ง
ทำบัญชีเรียบร้อยแล้ว หากมีเงินเหลือพอจะลงทุนก็ควรทำ ซื้อทรัพย์สินอย่าซื้อหนี้สิน ในส่วนของการซื้อทรัพย์สินเพื่อการลงทุน เพราะมันคือสิ่งที่จะทำให้เงินออมของคุณเกิดดอกผลได้ในระยะยาวอย่างเป็นรูปธรรม คุณอาจเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์มาปล่อยให้เช่า อย่างเช่น ทาวน์เฮ้าส์ อพาร์ทเม้นท์ ห้องพัก หรือคอนโดมิเนียม หรือแม้แต่การไปซื้อพันธบัตรรัฐบาล สลากออมสิน สิ่งเหล่านี้ก็ถือได้ว่าเป็นการซื้อสินทรัพย์เพิ่ม เพราะมันจะช่วยให้คุณมีรายได้เพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปโดยคุณลงแรงเพียงน้อยนิดเท่านั้น ในกรณีที่คุณมีเงินเก็บเหลือพอที่จะลงทุน
แต่คุณเห็นด้วยหรือไม่ ว่าคนส่วนใหญ่มักจะชอบซื้อหนี้สินให้ตนเองมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นบ้านหลังใหญ่โตที่มีราคาแพงเกินความจำเป็น รถยนต์ยี่ห้อหรูราคาแพงๆ ที่คุณซื้อมาแล้วก็ต้องผ่อนไปอีกหลายปี หรือไม่ก็หาซื้อของเครื่องใช้ที่คุณอาจจะไม่ต้องจำเป็นที่จะใช้ในราคาสูงขนาดนั้นก็ได้ แต่หากคุณลดราคาในการซื้อสินค้าพวกนี้ลงมาได้ มันก็ใช้ได้เหมือนๆกันกับที่คนอื่น ๆ เค้าใช้กันนั่นแหละ ดังนั้น เวลาที่จะตัดสินใจซื้อสินทรัพย์ซัก 1 ชิ้น คุณก็ต้องมองว่ามันเพิ่มมูลค่าหรือมันลดมูลค่าลงในอนาคต เพราะการติดตัดสินใจซื้อของคุณในครั้งนี้ มันหมายความว่าคุณซื้อหนี้สินและต้องทำงานทุกวันเพื่อใช้หนี้ และดูไม่ใช่เพื่อสร้างอนาคตสักเท่าไหร่ และหากคุณยังยึดติดกับการเป็นหนี้แบบนี้ไปนานๆเข้า คุณก็จะไม่มีอิสรภาพทางการเงินในเร็ววันอย่างแน่นอน
