ประตูรั้วของบ้านเป็นอีกหนึ่งจุดที่ทุกบ้านต้องให้ความสำคัญ เพราะเป็นจุดที่กระแส “ชี่” วิ่งเข้าสู่ตัวบ้าน แต่บางกรณีที่เรามีพื้นที่จำกัดและไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เราก็อาจจะไม่จำเป็นต้องทำตามศาสตร์ฮวงจุ้ยเสมอไป เพราะมีอีกหลาย ๆ อย่างที่เป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะไปเกื้อหนุนให้เกิดพลัง “ชี่” ที่ดีได้ ดังนั้นเราไปดู 8 ข้อพิจารณาที่สามารถทำตามได้ไม่ยากตามศาสตร์ฮวงจุ้ย
1.พิจารณาตำแหน่งประตูทางเข้าบ้านหรือประตูรั้ว
ความจริงแล้ว การวางตำแหน่งของตัวบ้านลงบนที่ดินจะต้องเอาเรื่องของตำแหน่งประตูทางเข้าบ้านหรือประตูรั้วมาพิจารณาด้วย เพราะทั้งสองส่วนจะต้องสัมพันธ์กัน เช่น ประตูรั้วอยู่ด้านซ้าย ตัวบ้านต้องอยู่ด้านขวา หรือ ประตูรั้วอยู่ด้านขวา ตัวบ้านต้องอยู่ด้านซ้าย
ข้อความข้างต้นเป็นข้อบัญญัติพื้นฐานในการกำหนดตำแหน่งของประตูรั้ว พูดง่ายๆก็คือ ประตูรั้วกับตัวบ้านจะต้องอยู่ในมุมที่ทแยงกันเสมอ เพราะหลักฮวงจุ้ยจะไม่ให้วางในแนวตรงเพราะเป็นลักษณะที่ร้าย
2.ดูจากตำแหน่งเสือขาวมังกรเขียว
การกำหนดตำแหน่งประตูรั้ว มีหลักในการพิจารณาอยู่ 2 อย่าง คือ ดูจากตำแหน่งเสือขาวมังกรเขียว กับดูกระแสที่วิ่งเข้าวิ่งออกหน้าบ้าน ถ้าใช้หลักเสือขาวมังกรเขียว ตำแหน่งประตูรั้วจะต้องอยู่ตำแหน่งมังกรเขียวเสมอหรือตำแหน่งด้านซ้ายของบ้านนั่นเอง
คำว่าด้านซ้ายของบ้าน พิจารณาโดยให้ยืนในบ้านแล้วมองออกไปด้านหน้าซ้ายมือของตัวเราก็คือตำแหน่งมังกรเขียว ส่วนขวามือก็คือตำแหน่งเสือขาว
3.ควรให้ประตูอยู่ในส่วนที่เคลื่อนไหวคือตำแหน่งมังกรเขียว
เหตุผลที่จะต้องกำหนดประตูเอาไว้ด้านซ้ายหรือตำแหน่งมังกรเขียวก็เพราะ ตำแหน่งมังกรเขียวในทางฮวงจุ้ยถือว่าเป็นหยาง คือ ส่วนที่เคลื่อนไหว ส่วนตำแหน่งเสือขาวที่อยู่ด้านขวา จะเป็นหยิงคือความนิ่ง ซึ่งจะไม่เหมาะที่จะเจาะเป็นช่องประตูทางเข้าที่มีสภาพเคลื่อนไหวอยู่แล้ว
หลายคนอาจสงสัยในเรื่องนี้ว่าหากอยู่ในทิศทางตรงกันข้ามได้หรือไม่ คำอธิบายในเรื่องนี้บอกเอาไว้ว่า เพราะธรรมชาติของคนจะเลือกทางเดินทางซ้าย หรือเคยชินที่จะเดินด้านซ้ายมากกว่าเดินด้านขวา ถ้ากำหนดทางเดินด้านขวาก็จะเป็นการฝืนธรรมชาติในการเดินหรือการเคลื่อนไหวนั่นเอง
4.พิจารณากระแสที่วิ่งเข้าสู่ตัวบ้าน
การนําหลักเสือขาวมังกรเขียวมาใช้กำหนดตำแหน่งประตู หลายคนมองว่าแบบบ้านก็จะออกมาเหมือนๆ กันหมดคือ เข้าประตูซ้ายกันอย่างเดียวไม่มีทางเข้าประตูขวาเลย ความเป็นจริงแล้วหลักฮวงจุ้ยไม่ต้องการให้กำหนดตายตัวแบบนั้น จึงได้มีบทบัญญัติอีกข้อหนึ่งมาในการกำหนดตำแหน่งของประตู นั่นก็คือการพิจารณากระแสที่วิ่งเข้าสู่บ้าน นั่นคือ
“กระแสวิ่งเข้าซ้าย เปิดประตูรับขวา / กระแสวิ่งขวา เปิดประตูรับซ้าย”
ก่อนอื่นคงต้องอธิบายคำว่า “กระแสวิ่งเข้า” เพราะคนคนอาจนึกภาพไม่ออก ข้อสังเกตง่ายๆคือ เส้นทางที่วิ่งเข้าสู่บ้านนั่นแหละเรียกว่ากระแสเข้า
ถ้าเป็นหมู่บ้านก็จากหน้าหมู่บ้านเข้าไปที่ตำแหน่งบ้าน หรือเวลาขับรถกลับบ้านเส้นทางนั้นคือกระแสเข้า คงจะนึกภาพออกว่ากระแสที่วิ่งเข้าหากมาทางด้านซ้ายประตูรั้วก็ควรจะอยู่ด้านขวา ถ้ามาทางด้านขวาประตูรั้วก็ควรจะอยู่ด้านซ้าย การกำหนดแบบนี้ในทางฮวงจุ้ยอธิบายว่า กระแสที่เข้าบ้านจะราบรื่นและเป็นกระแสที่โอบอุ้มตัวบ้านให้เป็นกระแสที่ดีและเป็นมงคลกับบ้าน
5.หากจำเป็นให้ตำแหน่งประตูรั้วอยู่ตรงกลางบ้านก็สามารถทำได้
ส่วนการกำหนดตำแหน่งประตูรั้วไว้ตรงกลางบ้าน ส่วนใหญ่จะกระทำในกรณีที่บ้านมีพื้นที่ใหญ่มาก บ้านหลังเล็กที่มีพื้นที่น้อยจะไม่เหมาะที่จะทำประตูรั้วเอาไว้ตรงกลาง เพราะจะทำให้เสียพื้นที่ในการใช้สอยค่อนข้างมาก และหลีกเลี่ยงยากที่จะไม่ให้ประตูรั้วชนกับตัวบ้าน
ส่วนบ้านที่มีพื้นที่กว้างเช่น บ้านที่ปลูกสร้างหลายๆหลังในพื้นที่เดียวกัน ส่วนใหญ่จะนิยมทำประตูรั้วเอาไว้ตรงกลาง เพราะสะดวกในการเข้าออกมากกว่าจะวางประตูรั้วไว้ด้านใดด้านหนึ่งของบ้าน การกำหนดประตูรั้วไว้ตรงกลางก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร แม้ว่าจะไม่เข้าหลักเกณฑ์เสือขาวมังกรเขียวก็ตาม
6.ห้ามทำประตูรั้ว 2 ประตู
ข้อห้ามเกี่ยวกับประตูรั้วที่ไม่ควรทำอีกประการหนึ่งก็คือ การทําประตูรั้วดานหน้า 2 ประตู สำหรับบ้านหลังเดียวในทางฮวงจุ้ยถือว่า บ้านมีสองปากจะทำให้เก็บทรัพย์ไม่อยู่ ยกเว้นกรณีเดียวที่ทำได้คือ ทำประตูแยกไว้คนละด้านของบ้าน ห้ามวางด้านเดียวกัน 2 ประตู และห้ามทำถนนภายในบ้านเชื่อมกันทั้ง 2 ประตู
7.ห้ามวางประตูรั้วตรงกับประตูรั้วบ้านตรงข้าม
นี่เป็นข้อห้ามที่คงได้ยินได้ฟังกันอยู่บ่อยๆ ถ้ามีบ้านตรงข้ามสร้างขึ้นมาก่อนแล้วก็สามารถมองเห็นได้ว่าประตูรั้วบ้านตรงข้ามอยู่ตรงไหน การเลือกวางตำแหน่งประตูรั้วก็ควรจะเลี่ยงอย่าให้ตรงกัน เพราะในทางฮวงจุ้ยถือว่าประตูที่ปะทะกันจัดส่งผลในเรื่องของการทะเลาะวิวาทหรือผิดใจกันระหว่าง 2 บ้าน ยกเว้นว่าถนนด้านหน้ามีระยะห่างกันมากพอสมควร ผลกระทบก็จะไม่เกิดขึ้น
8.ประตูรั้วควรใหญ่กว่าหากจำเป็นต้องวางประตูไว้ตรงกับบ้านตรงข้าม
กรณีจำเป็นจะต้องวางตำแหน่งประตูรั้วตรงกับบ้านตรงข้าม ก็ให้พิจารณาในเรื่องขนาดของประตูจะต้องใหญ่กว่าหรือเท่ากับประตูรั้วบ้านตรงข้าม ไม่ควรทำประตูรั้วเล็กกว่าเพราะกระแสชี่ที่ดีจะไหลเข้าประตูรั้วที่ใหญ่กว่าเสมอ นอกจากเรื่องของประตูรั้วตรงกันแล้วยังต้องพิจารณาถึงสภาพแวดล้อมที่อาจมีผลกระทบกับประตูทางเข้าบ้านด้วย เช่น เสาไฟฟ้าแรงสูง เหลี่ยมมุมบ้าน ช่องลมระหว่างบ้าน เป็นต้น ซึ่งประตูรั้วไม่ควรตรงกับสิ่งเหล่านี้
ทั้งหมดนี้ไม่ว่าจะเลือกใช้หลักเกณฑ์ไหน ก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของสถานที่และสภาพบริเวณแวดล้อมเป็นสำคัญ
13 เคล็ดลับฮวงจุ้ย การสร้างรั้วให้เกิดพลังงานที่ดีกับบ้านและผู้อยู่อาศัย
1.ประตูใหญ่อย่าสร้างประตูเล็กไว้ 2 ข้าง แต่ให้สร้างข้างเดียวคือ หันหน้าออกสร้างตรงซ้ายมือ
2.ประตูบ้านตรงกับบ้านอื่นไม่เป็นมงคล
3.บ้านที่มีกำแพงเก่าควรทาสีให้ใหม่เสมอ เวลากลางคืน ควรติดไฟให้สว่างจะพบแต่ความเจริญ
4.กำแพงบ้านอย่าสูงเกินไป (เกิน 2 เมตร) หรือต่ำเกินไป (1.40 เมตร)
5.ประตูด้านซ้ายควรใหญ่กว่าด้านขวา
6.ประตูรั้วสูงกว่ากำแพงไม่ดี
7.ตำแหน่งกำแพงทาง ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ อย่าให้ชำรุดจะมีเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาล
8.สร้างบ้านไม่ควรสร้างำแพง หรือภูเขาก่อน จะทำให้ยากจน หรือถูกคุมขัง
9.ไม่ควรสร้างกำแพงบ้านให้ชิดบ้านเกินไป
10.กำแพงบ้านไม่ควรเจาะเป็นหน้าต่าง จะไม่เป็นมงคล
11.กำแพงบ้านสร้างเป็นรูปโค้ง ดีกว่าสร้างกำแพงเป็นรูปสี่เหลี่ยม
12.บ้านที่มีลานโล่ง ห้ามล้อมรั้ว กลางลานโล่งจะทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ เช่น โรคตา หัวใจ
13.ประตูรั้วบ้านฝั่งตรงข้ามใหญ่กว่าบ้านเราไม่ดี
ที่มาและการอ้างอิง
ฮวงจุ้ยการสร้างบ้าน-ต่อเติมบ้าน โดย มาโนช ประภาษานนท์
http://www.sumplao.com/article/9/ล้อมรั้วบ้าน-ตามหลักฮวงจุ้ย/