เป็นที่รู้กันว่าการออกกำลังกายจะทำให้ร่างกายปล่อยสารแห่งความสุขหรือ endorphins ออกมา หัวข้อนี้เราจะเน้นไปที่การออกกำลังกายโดยการวิ่งละกัน นักวิ่งส่วนใหญ่จะพูดเหมือน ๆ กันว่า หากไม่ได้วิ่งเหมือนร่างกายจะไม่สดชื่น ไม่คล่องตัว อารมณ์ก็จะแอบขุ่น ๆ นิด ๆ แต่หากได้วิ่งแล้วละก็ ทั้งร่างกายและจิตใจก็เหมือนกับมีพลังบางอย่างที่ส่งไปถึงอารมณ์ได้ทันที ซึ่งมันทำให้นักวิ่งมีความสุขมาก และผู้ที่ไม่ได้วิ่งพอได้ยินได้ฟังแบบนี้เข้าไปก็ชักอยากจะพิสูจน์แล้วละสิ
แต่ก็มีคำถามต่อมาว่า แล้วเราจะต้องวิ่งถึงขั้นไหนที่จะรู้สึกได้ว่ามีความสุข เพราะเริ่มแรกในการวิ่งมันทั้งเหนื่อย ทั้งล้า ทั้งปวดขา ลามปวดไปทั้งตัว จนทำให้ไม่อยากออกไปวิ่งอีกเลยก็มี แต่ๆๆๆ ใจก็อยากจะเอาชนะมันให้ได้ แล้วก็อยากทำสถิติเหมือนกับคนอื่น ๆ เค้าบ้างว่างั้น
วันนี้เรามี Tip เจ๋ง ๆ มาฝาก ไปดูกันว่าความสุขในการออกกำลังกายที่แท้จริงนั้นคืออะไรกันแน่ แล้วเราจะปรับทัศนคติของเรายังไงให้มีความสุขในการวิ่ง อ่านแล้วอาจจะทำให้คุณสบายใจการวิ่งมากขึ้นได้เลยนะ
5 Tip วิ่งอย่างไรให้มีความสุข
1.วิ่งโดยไม่สนใจตัวเลข เลิกสนใจสถิติก่อนเลยอันดับแรก เพราะยังไงการเริ่มต้นก็ไม่สามารถทำได้เทียบเท่านักวิ่งที่วิ่งประจำอยู่แล้ว ให้ฟังเสียงร่างกายคุณ หากมันฟ้องว่าเหนื่อย หัวใจเต้นรัวและเร็วเกินไป นั่นก็เป็นเพราะว่าคุณวิ่งเกินกว่าที่ร่างกายจะทานทนไหว ซึ่งไม่เป็นผลดีกับร่างกาย วิ่งไปตามที่ร่างกายของเราจะวิ่งไหว เหนื่อยก็ให้พอดี หายใจแบบสบาย ๆ วิ่งจบในเซตแบบมีความสุข อย่าลืมวอร์มร่างกายก่อนวิ่งเสมอ และร่างกายของเราจะค่อย ๆ พัฒนาไปเอง จังหวะการวิ่งของเราก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ
2.ตั้งใจฝึกซ้อมอย่างมีแบบแผน การฝึกฝนเป็นสิ่งสำคัญ โดยอาศัยคำว่า “วินัย” ซึ่งนั่นก็คือการทำซ้ำ ๆ อย่างมีแบบแผน และเป็นระบบ หากตั้งใจว่าจะแบ่งเวลาให้กับการวิ่งทุกวัน วันละ 1 ชม. (รวมถึงการวอร์มอัพร่างกาย) ก็จงทำเช่นนั้นซ้ำ ๆ ไปเรื่อย ๆ แล้วร่างกายคุณจะเริ่มปรับตัวกับการวิ่งไปเองโดยอัตโนมัติ เพราะการวิ่งเพื่อบรรลุเป้าหมายไม่มีทางลัด ต้องค่อย ๆ ฝึกฝนกันไป
3.คิดว่าการวิ่งคือการทำสมาธิ หากเรารู้สึกว่าวันหนึ่ง ชีวิตของเราวุ่นวายไปกับสิ่งต่าง ๆ โดยที่ไม่มีเวลาให้กับตัวเอง หรือพูดคุยกับตัวเองเลยก็ตาม ก็ให้ใช้ช่วงเวลาในการวิ่งให้เป็นประโยชน์มากที่สุด เราจะได้ฟังเสียงหัวใจของตัวเองเต้นเป็นจังหวะ นับลมหายใจเข้าออกได้เป็นช่วง ๆ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีมาก ๆ ที่เราจะได้อยู่กับตัวเอง เหมือนกับการทำสมาธิอย่างหนึ่ง เพราะอย่างน้อยใจของเราก็จะจดจ่ออยู่กับการวิ่งตรงหน้ามากกว่าอย่างอื่นแน่นอน
4.สนุกกับการวิ่งให้สมชื่อ fun run สำหรับนักวิ่งมือใหม่ ส่วนใหญ่ก็จะลงวิ่ง fun run ก่อนเสมออยู่แล้ว จะเป็นการลองสนาม หรือทดสอบการซ้อมวิ่งของเราเองก็ตาม ในเมื่อชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า fun run ดังนั้นก็จงบอกตัวเองว่า การวิ่งในครั้งนี้ต้องจบลงด้วยความสนุกสนาน ลืมเรื่องสถิติไปเลย จบงานวิ่งเราต้องไม่เจ็บตัวใด ๆ วิ่งจบแล้วร่างกายและจิตใจเราต้องสบาย และที่สำคัญต้องตอบตัวเองได้ว่า เรามีความสุขมากแค่ไหนกับการลงวิ่งในครั้งนี้
5.วิ่งแข่งกับใจตัวเอง ในงานวิ่งจะเต็มไปด้วนักวิ่งที่หลากหลาย ทั้งเก่งมาก เก่งน้อย ผสมปนเปกันไป ดังนั้นในระหว่างที่วิ่งก็อย่าไปแคร์ใด ๆ กับคนที่วิ่งแซงหน้าเราไป ให้ฟังเสียงร่างกายของเราไว้จะดีที่สุด วิ่งไปเรื่อย ๆ เหนื่อยก็หยุดพักเดินบ้างก็ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน แค่เอาชนะใจตัวเองโดยการมาวิ่งกับเพื่อน ๆ กลุ่มใหญ่ (มาก) ได้ ก็ถือว่าใจของเราได้ข้ามผ่านความกดดันตัวเองมาระดับหนึ่งแล้ว ในขณะที่วิ่งก็ถือว่าเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง ไม่ได้มาแข่งกับใคร แข่งกับใจตัวเองล้วน ๆ